“มีหลายๆคนพยายามสรุปให้ชีวิตทั้งหมดทั้งมวลให้เป็นเรื่องเดียวกัน ในภาพรวมใหญ่ๆถึงใหญ่มาก อือ…ก็ไม่มีปัญญาจะค้าน ใหญ่ที่สุดก็คงบอกว่าหายใจเข้าหายใจออกเหมือนกันไง หยุดหายใจเมื่อไหร่ก็จบ นั่นก็เหมือนกันอีกอยู่ดี ถัดมาก็….หลังจากถัดมานี่หลากหลายนะ”
คำสนทนาในโต๊ะวงเหล้าสามย่านเก่า เก่าซักสิบปีพอ…
พรรคพวกเหนื่อยหน่ายจากการทำงานหนัก ตัดสินใจรวมพลมานั่งรื้อฟื้นความหลังที่ถิ่นเหล้าเดิมๆ
ในวัยที่อนาคตไม่ชัดเจน ภาพอดีตคมชัดกว่า แต่จะมีภาพไหนจริงเท่าภาพปัจจุบัน
“มึงจะมาสรุปอะไรชีวิตมันวะ” นี่เป็นจุดเริ่มต้นแรกๆก่อนจะไปถึงประโยคที่เราเปิดหัวไว้
สี่คนในวันนี้ สี่คนที่พอติดต่อกันได้ในวันที่เครื่องมือสื่อสารราคาแพงระยับ
เวลาเกือบสองทุ่มที่เหล้ากลมแรกถูกเปิด
ตอนนี้กลมที่สองลาไปครึ่งนึงแล้ว ไม่มีใครคิดถึงเครื่องบอกเวลา กับแกล้มเกลื่อนๆอยู่ไม่มากนัก พอเห็นซากความคิดในการสั่งอาหาร
“กูว่า มึงอย่าเพิ่งไปตำหนิแม่งเลย มันอาจจะมีเงื่อนไขอะไรของมันก็ได้” หลุดจากปากเพื่อนตรงหน้า
“มันจะต่างยังไงวะ ใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่” อันนี้เพื่อนหน้าขวา
ผมหันไปหันมา ดูเพื่อนข้างตัวผู้เปิดเรื่อง ในใจคิด พวกมึงอย่าการเมืองนะ กรูเพิ่งมาถึงปลายๆกลมนี่เอง มึงบิ้วด์อะไรกันมาก่อนมั้ยเนี่ย….
“ไม่….” นี่นะ หลายๆคนติดปากเลยคำนี้ หักไปก่อนค่อยอธิบาย บางทีความรู้สึกคนฟังมันไปแล้ว บางทีกำแพงก็ตั้งขึ้นเพราะคำนี้แหละ ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ไปด้วยกันได้ เสียดายนะ เสียดาย เอาๆ…ย้อนกลับไปใหม่
“ไม่….แม่งเพี้ยนไปแล้ว แม่งทำอย่างนี้ไม่ดีแน่” หน้าขวาว่า
“เท่าที่กูเข้าใจ และพอมีข้อมูลนะ กูก็เห็นด้วยกะมึง แต่จะไปคุยยังไงกะมันได้วะ คนมันเป็นอย่างงั้นหนะ” ผมว่า
“มึงลองคุยกะมันยัง” คนนั่งข้างถาม
“เปล่าว่ะ กูไม่มีความรู้พอจะคุยกะมันหรอก มึงก็รู้….” ผมหรือกูนี่หัวหดเลย
“แล้ว….แล้วทำไมพวกมึงไม่คุยกะมันวะ” ผมกะกู ถามกลับ
“ก็มึงเจอแม่งบ่อยสุดแล้ว พวกกูก็รู้เรื่องราวแม่งจากมึงนี่แหละ แล้วกูจะไปพูดยังไงวะ” ตรงหน้าตอบ
“อือ….ก็จริง” อันนี้กรูคิด หลุบสายตาเล็กน้อย ในใจคิด
“หรือมันเล่าให้กูฟังเพราะกูไม่ได้อยู่ในสายงานเดียวกะพวกมึงว้า….รึมันคิดมาแล้ว” ผมระแวดคิดไป ใครจะรู้คำคอบ
“พี่ๆ เออ….น้องๆ ขอโซดาสองขวดเนาะ” ผมกรูเปลี่ยนเรื่องดีกว่า
หลังจากกระดกไปอีกสามสี่แก้ว
“ถ้าพวกมึงไม่คิดจะคุยกะมันแล้วจะคุยเรื่องมันทำเหี้ยอะไรวะ ตั้งพักใหญ่ “ อันนี้พลังสุราช่วยหนุน
“ไม่ช่าย….พวกกู….” กูก็ว่าไม่ใช่เอี้ยอารัย ซัดเรื่องมันกันมาขนาดนี้ ดันไม่ใช่ซะได้ เอาย้อนกลับอีกที
“ไม่ช่าย….พวกกูก็แคร์มันนะ แต่ว่าจะให้กูไปพูดก็กระไรอยู่” หน้าซ้ายหน้าขวา ผมเริ่มจับทิศทางเสียงไม่ได้
“กระไรอยู่แปลว่าอะไรวะ” ผมถาม
“อ้าว…มึงก็น่าจะเข้าใจนิ” เออ….เว้ย มันเลือกกันได้เนาะ บางเวลาเราพยายามอินแทบตายแม่งก็บอกมึงไม่เข้าใจหรอก อีพอเราถามกลับ กลายเป็นว่ามึงน่าจะเข้าใจ เอาวะ…พหูสูตรก็พหูสูตเหอะ เอาอยู่มั้ยเนี่ย
“แม่งจะมีอารายว่ะ แม่งคิดมาก….” เอาๆ นี่ ข้างตัวเอง ถ้าจะได้ที่ เหล้านองแค่ก้นกลม ดูแล้วอีกสองแก้วคงได้รีเซ็ตขวดใหม่
“งานแม่งก็มั่นคง หุ้นเหิ้นแม่งก็มีเพียบ จะไปห่วงอะไรมันว้าพวกมึงเนี้ย…” ข้างตัวอย่างเดิม ก่อนหน้านี้ซักชั่วโมงก็ยังแลกเปลี่ยนกันอยู่เลย ตอนนี้มันไม่แล้ว หรือมันขี้เกียจคิด…
“แล้วชีวิตมันมีความสุขมั้ยเล่า” ตรงหน้าผมว่า ผมอ้าปากแต่ไม่ทัน…
“เออ…แล้วมันมีความสุขมั้ยเล่า” อันนี้หน้าขวา
“อ้าว….แล้วพวกมึงจะให้ใครตอบวะ” ผมถึงมาช้าไปหน่อยแต่ก็เต็มฝีตีนเพื่อตามเพื่อนให้ทัน กลัวเหมือนกันว่าจะออฟไซด์ แต่คิดทีไรไปทุกที
“โหย…คนมันโตๆกันแล้ว เดี๋ยวมันก็คิดได้ มันไม่โง่หรอก แล้วมันก็ไม่บ้าด้วย จะห่วงมันทำไมวะ” ขวดใหม่เต็มที่ก็น่าจะแค่แบน ไม่น่าจะมีสภาพไปถึงกลม
“เกี่ยวอะไรกะโง่กะบ้าวะ” แต่กูว่ากูนี่แหละทั้งโง่และบ้า เพื่อนแม่งลอยไปกะสุราหมดแล้ว กูเองก็ไม่เว้น เสือกทะลึ่งจะเอาความจริงอะไรอีก
ไฟสามย่านฝั่งตรงข้ามไล่ปิดไปเป็นแถบๆ เดี๋ยวก็ย้ายมาฝั่งเรา
คอผมเริ่มตั้งไม่นิ่ง ส่ายส่องดูพรรคพวก ได้ที่กันหมดแล้ว หัวโยกคลอนกันไม่เป็นจังหวะ หรือเป็นที่สายตาผมหน้อ…
หวังว่าพรุ่งนี้จะจำได้ว่าวันนี้เราถกกันเรื่องอะไร…. องค์ประกอบพรรคพวกเปลี่ยนไปเรื่องราวก็เปลี่ยนไป
ความเป็นไปของเพื่อนฝูงเปลี่ยนไปเรื่องราวก็เปลี่ยนไป….
นี่เป็นการเมามายครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ในชีวิต ซ้ำซากสิ้นดี….
Read Full Post »