Feeds:
Posts
Comments

Posts Tagged ‘วิศวกรรมศาสตร์’

เพื่อนวิศวะรุ่นเราปีนี้มีโอกาสได้รวมตัวทำอะไรมีสาระเป็นชิ้นเป็นอัน ภายใต้จากความคิดสร้างสรรค์และแรงผลักดันของของประธานป๊อก เฮอราลโด้ ผู้จุดประกายกิจกรรมระดมทุนเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ งานแรกที่ผ่านไปคืองานฟุตบอลการกุศลที่ทำให้เราสามารถจัดตั้งทุนสำหรับรุ่นน้องปีหนึ่งหนึ่งทุน เป็นเงิน 36,000 บาท

เดิมทีจะให้พี่ติ๊งเป็นคนตัดสิน แต่ผมดันไปเสนอว่าทุนของรุ่นเรา รุ่นเราควรจะเป็นคนตัดสินเองว่าใครจะได้รับทุนนั้น ผมก็เลยถูกส่งไปเป็นหนึ่งในทีมสัมภาษณ์รุ่นน้องที่สมัครเข้ามารับทุน ร่วมกับอาจารย์ชวน ประธานป๊อกและเพื่อนกิ๊ฟท์ ตอนแรกผมคิดว่าจะเขียนเล่ารายละเอียดให้เพื่อนๆ เข้ามาวิจารณ์ แต่นึกขึ้นมาได้ว่าข้อมูลเหล่านี้น่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เหมาะกับการเผยแพร่ในที่สาธารณะ ผมก็เลยขอใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงรายงานผลสรุปพร้อมเรื่องแวดล้อมอื่นๆ จากมุมมองส่วนตัวแทน

ถ้าจำกันได้สมัยก่อนเราจ่ายค่าเทอมหน่วยกิตละห้าสิบบาท แล็บร้อยนึง เทอมนึงลงเรียนให้ตายยังไงก็ไม่เกินสองพัน จุฬาฯ เป็นที่ที่ใครๆ ก็สามารถเข้ามาไขว่คว้าหาโอกาสได้ วันนี้ต้นทุนแห่งการศึกษาเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า ค่าเทอมเทอมละเกือบสองหมื่น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ของคนกลุ่มนึงที่จะอยู่รอดจนจบสี่ปี ทุนที่คณะมีให้ไม่เพียงพอกับความต้องการ บางทุนให้ได้แค่หมื่นเดียว (ต่อปี) แทบจะไม่พอกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่รวมถึงค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าเช่าบ้าน เด็กที่มาสัมภาษณ์ทุกคนมีภูมิหลังและมีความจำเป็นแตกต่างกันไม่มากนัก ทั้งหมดก็พยายามหาวิธีการอื่นๆ เพื่อเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย ไม่ว่าจะเป็นการสมัครขอทุนกยศ. สมัครเข้าหอ บ้างก็ต้องขอทุนอาหารกลางวัน รวมทั้งหางานพิเศษต่างๆ นานา

การได้พูดคุยกับผู้สมัครทั้งสาม ทำให้ผมได้รับรู้ความเปลี่ยนแปลงของคณะในหลายๆ ด้าน น่าแปลกใจที่เดี๋ยวนี้คณะวิศวะนำเอาระบบพี่รหัสมาใช้แทนระบบกรุ๊ปในการดูแลน้อง นั่นก็คงช่วยให้พี่ดูแลน้องได้ใกล้ชิดมากขึ้น เดี๋ยวนี้มีชมรมฮ็อกกี้และชมรมด้านวิทยาการแปลกๆ เกิดขึ้นใหม่ เด็กสมัยนี้กระตือรือร้นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิทยาศาสตร์และการประกวดโครงการความรู้มากขึ้นตามจำนวนกิจกรรมที่มากขึ้น ต้นทุนในการเข้าสังคมเปลี่ยนจากคนละไม่กี่สิบบาทที่ร้านเฮียอ้วนสามย่านเป็นคนละสองสามร้อยที่เอ็มเคสุกี้ เสียดายที่เรามีเวลาพูดคุยกับน้องแค่คนละสิบห้านาที คำถามจากพวกเราก็เลยค่อนข้างกระจัดกระจายตามแต่สถานการณ์ของแต่ละคนจะพาไป

บทสนทนาตอนหนึ่งจากหนึ่งในสามผู้สมัครที่กระทบความรู้สึกเข้าอย่างจัง หลังจากทราบว่าน้องคนนี้สมัครรับทุนอาหารกลางวัน

“อย่างนี้ก็สบายแล้วสิเราน่ะ ได้ทุนนี้ช่วยได้เยอะ”

“ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยได้กินครับพี่ บางวันก็ทนหิวเอา”

“อ้าว แล้ว ‘ไมไม่ไปกินล่ะ ก็สมัครได้แล้วไม่ใช่เหรอ”

“ก็มันต้องเข้าเชียร์ก่อนน่ะพี่ แล้วมันต้องไปกินฝั่งโน้น ส่วนใหญ่ก็เลยไปกินไม่ทัน…”

ถึงแม้จะเปลี่ยนคนทาสีและเปลี่ยนเทคนิคการทาสีไปบ้าง แต่สีเลือดหมูจากกระป๋องใบเก่าที่ทาลงบนผ้าใบผืนใหม่รุ่นแล้วรุ่นเล่าก็คงไม่ได้จางลงไปอย่างที่กลัวกัน

เสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ ผมคิดว่าเราจะออกไปตั้งวงโค้กสองน้ำแข็งสี่ที่โรงอาหารโฉมใหม่หลังคาสไตล์โมเดิร์นที่ขยายอาณาเขตไปครอบคลุมโต๊ะ ‘เปอร์และลานจอดรถเดิม แต่เสียงส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าร้านกาแฟเปิดใหม่ที่ตึกสามน่าจะเหมาะกว่า ร้านกาแฟหรูติดแอร์ตกแต่งสวยงามครอบครองพื้นที่หน้าทางเข้าอดีตศูนย์คอมพ์ที่เราใช้เรียนฟอร์แทรน/วัตต์ไฟว์และหัดพิมพ์ CU Word เมื่อสิบเก้าปีก่อน ในร้านขายกาแฟเย็นแก้วละห้าสิบบาท วันนั้นผมเห็นมีหญิงคณะวิศวะสองสามคนที่หน้าตาและการแต่งตัวดูเหมือนเด็กรัฐศาสตร์สมัยเรานั่งจิบกาแฟคุยกัน บรรยากาศสุนทรีย์ขนาดนี้คงเป็นจุดนัดพบก่อนออกเดทที่ไม่ทำให้ฝ่ายรอต้องรำคาญใจ ยกเว้นว่าระหว่างรอจะเกิดอุบัติเหตุเปลี่ยนใจไปกับคนอื่น

วันวานที่เด็กคณะข้างเคียงแต่งตัวหรูหรา ถือกระเป๋าแบรนด์เนมขับรถมียี่ห้อ คณะเราก็ยังรวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนรักษาภาพพจน์เชยๆ มอซอๆ เดินดินกินข้าวแกง ซ่อนหัวโขนความรวยความจนเอาไว้ที่บ้าน มาวันนี้วันที่กระแสแฟชั่นแผ่ปกคลุมทุกคณะอย่างเท่าเทียม ผมถึงรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างระดับชั้นภายในคณะได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

กลับมาที่วงสนทนาบนโต๊ะกาแฟของเราที่มีซุปมาเพิ่มด้วยอีกคน การตัดสินของเราเป็นไปคนละทาง ด้วยการพิจารณาจากความขาดแคลนมากน้อย ความจำเป็น ภาระทางบ้าน ความเก่ง ความฉลาด ความพยายาม มันค่อนข้างทำใจลำบากที่จะตัดใครซักคนออก ถึงขั้นที่มีข้อเสนอว่าเราจะแบ่งทุนนี้ออกไปเป็นส่วนๆ แต่สุดท้ายมาลงตัวกันว่าเราจะเก็บทุนนี้ไว้ให้คนที่ดีที่สุดตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก โดยคนที่เราตัดสินว่าเหมาะสมที่จะได้รับทุนเป็นคนที่เราเห็นตรงกันว่าได้ใช้ความพยายามถึงที่สุดแล้วที่จะช่วยทั้งตัวเองและครอบครัวทั้งด้านการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้

ผมเป็นหนึ่งในเสียงที่ค้านการแยกทุน แต่พอทุกคนลงมติแล้วก็อดใจหายแทนอีกสองคนไม่ได้ ด้วยรู้ว่าการตัดสินของเราจะส่งให้อีกสองคนแบกความผิดหวังกลับไปต่อสู้ดิ้นรนอยู่ที่จุดเดิม แต่เมื่อกติกาของเกมเป็นแบบนั้น ผู้เล่นก็ต้องยอมรับ และได้แต่หวังว่าพวกเขาจะหาวิธีอยู่รอดไปจนสุดทาง

ผมเชื่อว่าพวกเราหลายคนยังจำเสียงเพลงที่ดังอยู่ในห้องมืดวันนั้นได้

“…น้องเอย น้องน้อย กลอยใจพี่

วันนี้ มารวม ร่วมหรรษา

แต่ก่อน เจ้ายังอยู่ ห่างตา

พาพี่ ใฝ่ฝัน พันทวี

เดี๋ยวนี้ เจ้ามา อยู่ด้วย

ขอให้ เจ้าช่วย ชูสี

เลือดหมู ให้เข้ม เปรมปรีดิ์

พวกพี่ ที่นี้ จะปลื้มใจ…”

เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่วันนี้เรายื่นมือไปช่วยน้องได้คนนึง ผมหวังว่าวันข้างหน้าเราจะมีโอกาสเอื้อมมือไกลขึ้นอีกหน่อยเพื่อช่วยน้องเพิ่มอีกซักคน

Read Full Post »