Feeds:
Posts
Comments

Posts Tagged ‘ท่องเที่ยว’

เย็นวันที่ ๘ ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปร่วมงานตลาดข้ามฟาก ที่ อ.ค่ายบางระจัน  จังหวัดสิงห์บุรี  ซึ่งเขาจัดตลาดสองข้างแม่น้ำน้อย  มีแพทอดเป็นทางเดินข้ามฟากพร้อมของขายและที่นั่งสำหรับรับประทานอาหาร

ที่นั่งเป็นแคร่ไม้ไผ่ประกอบเข้ากับม้านั่งเล็กๆ  เหมือนม้านั่งซักผ้าเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อน  กว่าจะนั่งลงได้ต้องถอนหายใจโล่งอก  หัวข่งหัวเข่าแอบสะท้าน ใจก็หวั่นๆเกรงจะหงายหลังคะมำล้มฟาด  รู้ตัวทันทีว่าภาระนี้ยังไม่พ้น  มันจะมาอีกทีตอนที่ต้องลุกเนี่ยแหละ

สิ่งพิเศษของงานนี้คือ เขาจะฉายหนังกลางแปลงกลางแม่น้ำครับ  ตั้งจอตั้งที่ฉายกันลำน้ำกันเลย  เข้าท่าๆ

หนังกลางแปลง "ศึกบางระจัน"

เรื่องแรกคือเรื่อง “ศึกบางระจัน” นำแสดงโดย สมบัติ เมทนี กับ พิศมัย วิไลศักดิ์

เรื่องนี้มาจากบทประพันธ์ของ “ไม้เมืองเดิม” ที่รู้เพราะได้อ่านสมัยอยู่ศิลปกรรม  เป็นหนังสือบังคับอ่าน แต่หาซื้อไม่ได้  จำได้ว่าเมื่ออ่านจบซาบซึ้งดี  ชื่นชมอยู่  ก็ได้แต่บ่นๆกับผู้คนรอบข้างสมัยนั้น

“หนังสือดีๆ วรรณกรรมดีๆ  แ-ง ไม่มีขายว่ะ”

ขณะเดินออกจากงาน ได้ยินได้เห็นชัดเจนหนังเรื่องต่อไป “องก์บาก ๓” มายังไงเนี่ย  ชนโรงเปรี้ยงๆเลย (ไอ้เก่าก็เก่าซะ ไอ้ใหม่ก็ใหม่ล้ำ)

คืนนั้นหาที่พักยากเย็น  เอาเป็นว่าไม่มีเลยดีกว่า  ก็ได้พึ่งพาคนที่ทำงานทำของส่งนุก

“มาพักกับพี่เถอะ  ที่นี่หาที่พักยาก  รังเกียจที่บ้านพี่บ้านนอกเหรอ” คำบอกกล่าวทางโทรศัพท์ของพี่นิด

ตกลงเราก็รับคำเชิญพี่นิด  และพี่นิดนี่แหละที่เป็นชาวนา  เมื่อ ๗-๘ ปีก่อนแกเข้ามาที่ราชวงศ์ของานนุกทำ  งานพวกเอาโบว์ริบบิ้นประดิษฐ์เป็นดอกไม้  ซึ่งแกเอาไว้ทำเวลาว่างจากนา

จากนั้นก็แจกจ่ายไปลูกสาว  ไปคนในละแวก  แล้วแกก็เป็นศูนย์กลางการรับงานส่งงาน  จ่ายค่างาน  โดยใช้การส่งของรับของผ่านเครือข่ายรถตู้  ไม่ต้องเข้าเมืองมาเหมือนแต่แรก  และนี่ไม่ใช้กลุ่มเดียวที่รับงานอย่างนี้  มีกระจายอยู่ทั่วไป

“พี่เขาเป็นชาวนา แล้วใครสอนเขาทำพวกนี้ล่ะ” ผมแปลกใจ  ผมไม่คิดว่ามันง่ายนะ

“โอย…คนพวกนี้เขามีหัวอยู่แล้ว  ขอให้มีแบบให้ดู  แนะนำเทคนิคอีกหน่อย  พอได้ลงมือทำซักพักก็สบายแล้ว”

ถึงบ้านพี่นิดราวห้าทุ่ม  ลงจากรถสูดหายใจ…กลิ่นขี้วัวเต็มๆ

ฟูกมุ้งหมอนถูกจัดไว้เรียบร้อย  ในตำแหน่งนอนที่ปรกติเป็นของพี่นิด

“ตรงนี้มันมีลม  เดี๋ยวจะร้อน  ที่นี่ไม่มีแอร์  มีแต่พัดลม” พี่นิดเลือกที่ที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดให้กับผู้มาพำนัก

“พี่เป็นไงบ้าง นาพี่อยู่ไกลมั้ย” นุกถาม

“หลังบ้านนี่เอง  พรุ่งนี้โผล่หน้าไปก็เห็น” พี่นิด

“แล้วไปได้ดีมั้ย” นุก

“ปีที่ผ่านมาแย่  เพลี้ยลงอย่างที่เป็นข่าวนั่นแหละ ได้แค่สามตันเอง” แกเล่า

“สามตันนี่เรียกว่าเยอะหรือน้อยล่ะ” ถาม

“เจ๊งหนะซี  พี่มีที่ยี่สิบห้าไร่  ธรรมดาต้องได้ไร่ละตัน  คราวนี้ขาดทุนยับเลย  ตอนนี้เลยลองเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดแทน  แล้วก็ทำป่าแตง  พรุ่งนี้ไปดูสิ สวยนะ”

เรารับปากรับคำก่อนเข้านอน

ที่พักของเรา

เจ้าของมื้อเช้าทำดอกไม้รอแขก

หลังบ้าน...จากที่นาเป็นที่ข้าวโพด

ชัดๆ...ว่าหลังบ้านขนาดไหน

สายๆ ร่วมเก้าโมง กว่าที่มนุษย์เมืองสองคนจะลุกขึ้นมาเริ่มต้นชีวิตวันใหม่อย่างเป็นเรื่องเป็นราว  เพราะหลับๆตื่นๆอยู่ตลอด  หมาเห่า  ไก่ขัน  เสียงผู้คนส่งเสียงแต่หกโมงเช้า

เมื่อผมอาบน้ำเสร็จ  ก็คว้าโรลออน คว้าสเปรย์ อย่างคุ้นเคย พลันก็ได้กลิ่นที่ทักทายเราแต่ก้าวแรกที่มาถึง  แล้วก็ได้แต่ยิ้มขำๆ

“เออเนอะ  กรูเอากลิ่นเหี้ยอะไรมาใช้ที่นี่เนี่ย  ท่ามกลางกลิ่นขี้วัวเนี่ยนะ”

หลังมื้อเช้า  ลูกพี่นิดเจ้าของฝีมือทำกับข้าว (แกงส้ม  ต้มยำช่อนนา  ผัดดอกกะหล่ำ) คุยกับเราว่า

“แม่ไปป่าแตงแต่หกโมงกว่าแล้ว  กับข้าวพวกนี้แม่ฝากไว้ให้ดูแลพี่ๆ  พอทานได้นะพี่  บ้านนอกอย่างเราก็กินกันอย่างนี้แหละพี่”

“ส่วนใหญ่ที่นี่ไม่ค่อยกินเนื้อกัน  เราจะกินปลาเป็นหลัก  เดี๋ยวก็ไปออกแห  เอามาแบ่งกัน” ก่อนจะยื่นถาดผลไม้ ที่ประกอบด้วย มังคุด กล้วย ลิ้นจี่

“ที่นี่เรากินแต่ผลไม้  ไม่มีขนมหวานนะพี่”

“คนที่นี่แทบจะไม่เสียตังค์ซื้อกับข้าวเลยพี่  เราหากินกันแถวนี้  อย่างเมื่อเช้าหนูไปส่งลูก  เจอบ้านนู้นเขาก็ให้มะม่วงมา  พอหนูได้ปลามาเยอะ  หนูก็เอาไปแบ่งเขา  มันเป็นอย่างนี้ทุกๆวัน  เป็นปกติพี่”

ผมแอบรำพึงในใจ

“คนบ้านนอก  กินของสด  ของถูก  ไอ้คนเมืองอย่างเราทำงานเยอะๆ หาเงินมาซื้อของแพง คุณภาพต่ำ  อือ…”

ถึงเวลาออกเยี่ยมป่าแตงแล้ว  แตงที่ว่าคือแตงกวา

พี่นิดผู้อารี

มือนี้...ที่คัดสรร

นี่แหละ...ป่าแตง

พี่เล่าให้ฟังว่า  หลังจากลงเมล็ด สองวันต้นก็ขึ้น   หนึ่งเดือนก็เก็บเกี่ยวผลได้  หลังจากนั้นก็เก็บได้ทุกวัน  จนต้นโตถึงระดับหนึ่งก็รื้อทิ้ง  เพราะจะเก็บเกี่ยวไม่ได้แล้ว

ชาวบ้านที่มารับจ้างเก็บได้ โลละบาท  ถึงแผงได้โลละสิบสี่บาท  ถ้าลูกใหญ่ไปก็อาจจะเหลือโลละเจ็ดแปดบาท

ได้ยินชาวบ้านที่มารับจ้างเก็บแตงคุยกัน

“เอ็งเคยใช้ปุ๋ย….. มั้ย  ไอ้ที่ขวดสี…..  ฉลากสี……”

“โอ้…  ไอ้นั่นมันเร่งมากไป  โตเร็วเกินไป  ไม่ดี  เก็บไม่ทัน  ของเสียหมด  ”

ออกจากสิงห์บุรี  เรามุ่งสู่บ้านควายไทย จังหวัดสุพรรณบุรี   เลือกรูปมาฝากแล้วกัน

ทริปนี้แตกต่างไป  แต่อุ่นๆอิ่มๆอีกแบบนึง  ดีเหมือนกัน

ร้อนจริงๆ

แสดง สะพานควาย ข้ามห้วยข้ามน้ำ ในสมัยก่อน

Read Full Post »

ทิ้งไว้เสียนาน หลังจากแวะไปเยือนเมืองเหนือช่วงกลางเดือนธันวาที่ผ่านมา พึ่งได้นำมา Post งานนี้ลุยคนเดียวตลอดทริป

ที่เชียงใหม่ คุณ Tokarok แนะให้แวะไปฟังเพลงที่ร้านเล็กๆ แนวๆ ร้านหนึ่ง ชื่อ “North Gate” เป็นร้านห้องแถวข้างถนน ขนาด 2 คูหา ไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก บรรยากาศ แบบชิวๆ โล่งๆ วงดนตรีเขาเล่นแนวแจ๊ส มีฝรั่ง 2 คนไทย 3 ฝีมือดีทีเดียว (เห็นว่ามือเบสนี่มือประกวดระดับประเทศ)

กะว่าจะหาแหม่มสวยๆคุยด้วยซะหน่อย เจอแต่ที่เขามาเป็นคู่ เลยได้แต่คุยกะคนไทย แต่ก็โอเคนะ

หลังจากเสร็จงานที่เชียงใหม่ เหลือเวลา 1 วัน 1 คืน จึงแวะไปแอ่วปายเสียหน่อย แต่เวลาน้อย จึงไปได้เพียงบริเวณรอบๆเมือง

ไปถึงวันเสาร์เย็น เจอคนเยอะมากๆ ขนาดไม่ใช่เทศกาลนะเนี่ย

อากาศก็สบายๆ ไม่ร้อน ไม่หนาว

คุณลุงท่านนี้มีที่ริมถนนนิดนึง เดิมปลูกพวกพืชผัก พอเห็นมีคนมาเที่ยวมากๆ แกเลยลองเปลี่ยนมาปลูกดอกไม้ เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปกัน มีคนสนใจแวะมาเยี่ยมชม สมใจแก

ช่วงค่ำ ก็ไปเดินตลาดตามสูตร ดูๆไปนี่มีร้านของคนต่างพื้นที่ (ส่วนใหญ่จากกรุงเทพ และ เชียงใหม่) มาเปิดเยอะมาก บรรยากาศก็คล้ายๆ ตลาดถนนคนเดินแถวเชียงใหม่นะ แต่ของหลากหลายน้อยกว่า ตามแนวถนนหลักกลางเมือง บ้านแบบดั้งเดิม กลายเป็นร้านเสียเกือบหมด

มื้อเช้า แวะไปชิมโจ๊กสมุนไพรอันเลื่องชื่อ อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว แถมด้วยกาแฟสดร้อนๆ กะปาท่องโก๋ แม้ว่าจะเย็นแล้ว ก็ยังกรอบอร่อยมากๆ

เวลาที่เหลืออีกครึ่งวันก็ควบมอไซ วิ่งชมไปรอบๆเมือง เพลินดีเหมือนกัน

หมดเวลา ต้องรีบขึ้นรถตู้กลับก่อนละ ไว้มีทริปรอต่อไป จะเก็บมาฝากอีกเน้อ

Read Full Post »

ออกจะแอบนึกแปลกใจปนยิ้มๆ  เมื่อรู้แน่ว่าปีใหม่นี้จะได้ไปเยือนจังหวัดตาก  คราวไปเล่นดนตรีที่เชียงใหม่  เพื่อนมัธยมฯที่มารับไปนั่งเม้าท์กันนั้นเป็นสะใภ้คนอุบลฯ  กลับมาก็ไปถิ่นคนอุบลฯ  คนเหมืองเจ้าถิ่นก็พาภรรยาที่พบกันครั้งทำงานที่ผาแดงจังหวัดตากมารับไปเลี้ยงเบียร์  และนั่นแหละผมเพิ่งกลับจากตากมาครู่เดียวนี้เอง

ครั้งไปอุบลฯ นั้นคิดถึง คนจรและภรรยา ในคืนข้ามปี ๔๗ สู่ปี ๔๘ เราได้ไปเคาน์ดาวน์ที่นั่นกัน ครึ่งทศวรรษมาแล้ว

แต่นี่…. ที่ตาก   เก่าแก่ไปอีกมากมาย  หนุ่ย ( พระหนุ่ย) คราวนั้นในตำแหน่งสารถี   ต้นและตู่ (แต่งกันไปแล้ว)  อ้อ (นี่ก็เพิ่งคลอดจูจ้าไป)  เจน พากันกระเตงไปพักที่เหมืองผาแดงในความอนุเคราะห์ของคนเหมือง  นั่นน่าจะเกือบๆสิบห้าปีทีเดียว

ครั้งนั้นม่อนกระทิงยังเป็นรีสอร์ท  วันนี้ในเขตอุทยานแม่เมยทั้งหมดไม่มีรีสอร์ทอีกแล้ว  อุทยานเข้าดูแลเองทั้งหมด  ทางขึ้นสามารถเอารถขึ้นเองได้แล้ว  ไม่ต้องพึ่งพากระบะชาวบ้านเหมือนคราวนั้น  ที่เหมือนกันก็คงเป็นการตื่นก่อนตีห้า  เลือกม่อนซักที่ (ครูบาไส  พูนสุดา  กิ่วลม)  นั่งตากอากาศหนาวแล้วลุ้นให้พระอาทิตย์อย่าเข้างานสายนัก  เพื่อจะได้เก็บรูปทะเลหมอกสมการลงทุน

พระพุทธบาทเขาหนาม  ในเขื่อนภูมิพล  ก็เปลี่ยนไปบ้างจากคราวนั้น  ที่ๆเคยอาจหาญปีนหินลงมาถ่ายรูปกัน  ก็เทปูนเดินเหินง่ายดายขึ้นมาก   ต่อให้มันเหมือนเดิมแต่เชื่อว่าคนหน้าเดิมนั้นก็คงไม่กล้าปีนป่ายอย่างนั้นอีกแล้ว

นับวันยิ่งรู้สึกถึงอดีต  ก็ต้องยอมรับว่าแก่ไปแล้วจริงๆ  ที่เก่าๆที่เดิมๆ  คนเก่าๆคนเดิมๆ  บางจังหวะวนเวียนมาในความรู้สึกพร้อมๆกัน  อย่างนี้มีอาการ จะว่าเหงาก็ไม่ใช่  เจ็บปวด มีความสุข  ปลง  ก็ยังจำกัดความได้ไม่ถูก  อือ…มันคล้ายๆได้รู้สึกถึงการเดินทางของเวลา  เวลาที่ไม่เกี่ยวกับเข็มนาฬิกาหนะ  ให้เรียกให้อธิบายก็ขอเรียกว่า  รู้สึกแปลกๆก็แล้วกัน

หลายๆการเดินทางที่ผ่านมากับคนใกล้ตัว  ยังคุยกันว่าน่าเสียดายนะ  จริงๆแล้วคนจรกับภรรยา  เป็นคนจุดไฟให้เราได้เดินทางไปไหนมาไหนอย่างต่อเนื่องมาได้ถึงห้าปีแล้ว  นับกันดูก็ได้กว่ายี่สิบจังหวัด  ก็น่าจะมีโอกาสได้ไปไหนด้วยกันอีก  แต่ยังไงก็ฝากความขอบคุณมาตรงนี้ด้วย

เหมือนเดิมๆ  คัดสรรรูปที่คิดว่าเข้าท่าเข้าทางมาสะกิดต่อมคนชอบเที่ยวเสียหน่อย  ถึงแม้ขากลับจะสาหัสอยู่บ้าง  ออกจากตาก สี่โมงเย็น  ถึงบ้านเที่ยงคืนครึ่ง แต่แลกกับหลายๆวันที่ผ่านมา  ได้รื้อฟื้นความทรงจำ ที่วันนี้ไม่รู้จะไปนั่งรื้อกับใคร  คนในก๊วนคราวนั้นต่างก็แยกย้ายกันห่างตาอยู่…

พระอาทิตย์ลับ ม่อนครูบาไส

ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา

หมอกจางตา

ฟ้าร่วมกันท้าทาย (ม่อนพูนสุดา)

ยิ่งสูงยิ่งหนาว (ม่อนกิ่วลม)

ยอดเขายังห่าง

หลังจากหมวดทิวทัศน์แล้ว  ก็ขอความทรงจำนิดนึง  ไม่รู้คนอื่นไหนจะอินด้วยนะ  แล้วปิดเรื่องด้วย…เออ  เรียกว่าอะไรดี  นั่งพักเหนื่อย  ตรงบริเวณในรูปนี้  ฟังเสียงนกเพลินๆ  หายใจลึกๆ  ก็ได้ชักรูปนี้ได้ทัน  โชคดีที่คิดทัน  และไม่ลังเล นานๆจะได้รูปอย่างนี้ซักรูป

นี่แล...ที่เคยปีนป่ายกัน (พระพุทธบาทเขาหนาม)

นก?

Read Full Post »

ออกเดินทางเพื่อทำมาหากินเสาร์ที่แล้ว ๒๑ พ.ย. สู่เมืองเชียงใหม่  ได้งานจ้างข่าวว่าตังค์น้อยหนึ่งงาน

วิลันดา เชียงใหม่

เอาน่า…เดินทางฟรีที่พักฟรี  เปลี่ยนบรรยากาศชีวิต  ได้จังหวะอากาศเย็นพอได้ที่  ถ้าได้มีโอกาสออกทัวร์นี่น่าจะสนุก  แต่เฮ้อ…อายุอานามก็ไปพอสมควร  นั่งรถตู้นานๆถ้าจะเพลียไม่หยอก  ดีที่งานนี้เขาให้เดินทางเครื่อง

กลับมาถึงดึกดื่นเที่ยงคืนวันที่ ๒๒ จัดกระเป๋าอีกครั้ง  เตรียมออกจากบ้านตี๕ คราวนี้เป็นรถไฟสปินเตอร์มุ่งสู่อุบลราชธานี  เป้าหมายคือ อ.โขงเจียมและทุ่งดอกไม้ในอุทยานผาแต้ม

คิดถึงคนจรและภรรยาที่เมื่อหลายปีที่แล้วได้ไปตะลอนๆที่นี่กัน  ที่ๆไปคราวนี้หลายที่ก็ตามรอยเดิม  แก่งตะนะ หน้าตาเหมือนเดิมเด๊ะ  ลานที่กางเต้นท์  ห้องน้ำห้องท่า ไม่มีเปลี่ยนแปลง ที่โขงเจียมก็กินอาหารที่ร้านเดิม  ทุ่งดอกหญ้าก็เป็นที่เดิม  ที่ผาแต้มไม่ได้ลงไปดูภาพเขียนประวัติศาสตร์ ก็ยังคงไม่ได้ลงไปดูเหมือนเดิม   พยายามเดินทางไปสามพันโบก  ถนนแย่มาก  สู้ไปได้พักใหญ่  ถอยดีกว่าเกรงเรื่องน้ำมัน

เวลาเหลือเก็บเกี่ยวนู้นนี่ข้างทางไปเรื่อยๆ  ที่พักที่โขงเจียมเข้าท่า  เงียบสงบ  บรรยากาศล้ำเลิศ  จนต้องมาฝากกัน

สบมูล - โขงสีปูน มูลสีคราม

มูลมุ่งสู่โขงในยามเช้า - หน้าที่พัก

นี่ก็อีกหนึ่ง

ทุ่งดอกหญ้า

ผู้ริเริ่มโครงการ

เวิ้งน้ำเขื่อนสิรินธร งามแท้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เห็นเวิ้งน้ำในเขื่อนสิรินธรก็อดนึกถึงทีมไม้ใต้น้ำไม่ได้  แม้ในฐานะผู้ติดตาม  กวาดตามองไปก็ยังให้รู้สึกอยากออกเรือไปอย่างที่เคยมีโอกาส  ที่พักเขาก็ทำดีสวยงาม  เสียดายไกลเกิน  ทริปซิมโพฯของเราไม่สามารถ  ปิดฉากด้วยภาพฝาก น้ำตกที่เขาว่าใหญ่ที่สุดในอีสานใต้

น้ำตกถ้าบักเตว อุทยานภูจองนายอย

ชีวิตชาวปากน้ำมูล

สุดท้ายจริงๆแล้ว คนเหมืองเจ้าถิ่นพร้อมภริยามารับไปเลี้ยงดูปูเสื่อระดับโรงแรมหนึ่งมื้อ  ซัดเบียร์ไปสามขวด โม้กันไปสามชั่วโมง เวลาผ่านรวดเร็ว  ฝั่งคนเหมืองไม่มีใครอยู่นิ่งให้จับภาพโดยง่าย (จริงๆกรูเองเอาแต่โม้นั่นแหละ) ได้ภาพมาประมาณนี้เอง

ภาพสุดท้ายจริงๆๆๆ แอร์ที่โรงแรมที่พัก  ตรงที่มันสวิงมันเป็นแบบนี้  ใครเคยเห็นบ้าง  อยากรู้ว่ามีอยู่จริง  หรือเขาดัดแปลงกันเอาเองหนะ มันเป็นแผ่นกลมๆติดไว้เอียงๆกะแกน ขนานกันไป  พอหมุนมันก็ทำหน้าที่ปัดลมให้สวิง  พอนึกออกไหม..

คนเหมืองเชียงและภริยา ภาพผ่านสายตาของเบียร์สามขวด

แอร์เจ้าของคำถาม

Read Full Post »

เห็นทางหนุ่มพเนจร อยากให้มี SPS (Symposium) นอกสถานที่กันอีกซักที หลังจากที่ร้างลากันไปร่วม 3 เดือนแล้ว จึงอยากหารือสมาชิก ว่าจะไปแถวไหนดี คงอยากได้แบบที่ไปไม่ไกลจากกรุงเทพนัก ประมาณว่า  2 วัน 1 คืน (รวมเดินทาง) ถ้าเป็นแนวนี้ น่าจะลองพิดนา ระยองดูไหม ไม่ไกลมาก ที่เที่ยวพอได้ แถมยังตรงกับฤดูผลไม้ แวะเข้าไปเก็บกินในสวนกันได้เลย ส่วนที่พำนัก และ ที่เที่ยว อยากให้ช่วยเสนอไอเดียกันหน่อย เป็นไปได้ จะได้ไปกันภายในเดือนนี้เลยนะ

maeram

Read Full Post »