Feeds:
Posts
Comments

Posts Tagged ‘สุขภาพ’

คำที่พูดเล่นๆ กันในวงเหล้าว่า คนเราจะสุขภาพแข็งแรงได้จนถึงวันที่รู้ผลตรวจสุขภาพนั่น มาวันนี้สำหรับผมเริ่มจะฮาไม่ออก เรื่องเกิดเมื่อมหาวิทยาลัยที่ผมกำลังจะไปเป็นลูกจ้างบังคับให้ไปตรวจสุขภาพ คราวนี้ความจริงก็เลยปรากฏผลออกมาว่าคลอเรสเตอรอลสูงกว่า 220 แถมด้วยความดันที่ค่อนข้างสูง แต่สองอย่างนี้ยังเป็นปัญหาพื้นๆ เมื่อเจอสิ่งผิดปกติอีกอย่างนึงเข้าไป

หัวใจของผมเต้นช้า “ผิดปกติ”

กราฟ EKG บอกอัตราการเต้นที่ 49 ครั้งต่อนาที ที่หมอบอกว่ามันไม่ใช่การเต้นของหัวใจที่ “แข็งแรง” แต่น่าจะเป็นความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าบางอย่างที่กระตุ้นการทำงานของหัวใจ มันก็เลยออกอาการขี้เกียจกว่าหัวใจคนอื่นๆ อยู่บ้าง อวัยวะแปลกหน้าที่ไม่เคยเจอกัน อวัยวะที่ตลอดมาผมไม่ค่อยรู้สึกว่ามันทำงานอยู่ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกถึงมันเต้นตุ้บ… ตุ้บ…ตุ้บได้อยู่ตลอดเวลา ก็เหมือนอีกหลายๆ อย่างในชีวิตนั่นแหละ เพิ่งมาเห็นค่าเอาตอนที่เขางอแง พี่เบิร์ดก็ออกมาเตือนตั้งหลายปีแล้วว่าให้หมั่นคอยดูแล ดันไม่ฟัง

หลังจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับที่ถนนพระรามสามเมื่อห้าหกปีก่อนผมตั้งใจว่าจะดูแลชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น วันนั้นถ้าอะไรๆ มันผิดมุมผิดองศาไปสักหน่อยผมอาจจะไม่ได้มานั่งพิมพ์ข้อความทั้งหลายอยู่ตรงนี้ ทุกคาบยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ผ่านไปด้วยอาการครบสามสิบสองผมถือว่าเป็นกำไรชีวิต โชคดีไปกว่านั้นที่ชีวิตราบรื่น เจอแต่สิ่งดีๆ มาตลอดเวลาหลายๆ ปีหลังจากนั้น จนบางครั้งก็หลงลืมไม่ระวังปล่อยปละละเลย หลายครั้งก็กลับไปใช้ชีวิตด้วยความประมาทอย่างเต็มที่

ผมดูหนังเรื่อง The Bucket List ตอนที่นั่งเครื่องบินไปไหนซักแห่ง ด้วยความที่หนังฟอร์มไม่ใหญ่ นางเอกไม่สวย ผมก็เลยเริ่มจากการดูบ้างไม่ดูบ้างด้วยความไม่ตั้งใจ แต่สุดท้ายกลายเป็นนั่งอิน น้ำตาซึมไปกับมัน หนังเรื่องนี้พูดถึงหนึ่งเศรษฐีกับหนึ่งช่างเครื่องที่ป่วยหนักใกล้ตายที่มานอนอยู่ในโรงพยาบาลในห้องแฝดเดียวกัน ก็เลยกลายมาเป็นเพื่อนกัน ทั้งสองเริ่มรวบรวมรายการสิ่งที่ตัวเองอยากทำที่เรียกว่า Bucket List (เพราะมักจะเป็นความฝันที่คิดขึ้นมาเล่นๆ แล้วก็ทิ้งลงตะกร้า) แต่ครั้งนี้พอทำรายการออกมาเสร็จ เศรษฐีก็ชวนช่างเครื่องหนีออกจากโรงพยาบาลไปทำเรื่องต่างๆ ที่คิดมาจริงๆ เช่น เที่ยวรอบโลก ขับรถแข่ง ดิ่งพสุธา ฯลฯ ตอนจบของเรื่องนี้ทำได้สวยด้วยการเช็ครายการสุดท้ายของคนทั้งคู่ออกในวิธีที่คาดไม่ถึง

วันก่อนเห็นทรูวิชั่นส์เอาหนังเรื่องนี้มารีรันให้ดูอีกที เลยนั่งดูไปกว่าครึ่งเรื่องแล้วก็ฟุ้งซ่านจิตหลอนไปเรื่อยเปื่อยว่า ถ้าผมจะตายในสามวันเจ็ดวัน จะทำ Bucket List อะไรได้บ้าง หนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นการวิ่งมินิมาราธอนที่เพิ่งสำเร็จไปหนึ่งรายการ การได้ไปสอนหนังสืออาจจะเป็นหนึ่งรายการที่ดูไม่น่าตื่นเต้นมากนัก แต่ก็กำลังจะสำเร็จอีกหนึ่ง การหัดขี่มอเตอร์ไซค์ ที่ใครๆ บอกว่าโคตรง่าย นั่นก็เป็นความท้าทายอีกอย่างนึงที่น่าจะมีโอกาสได้ลอง หรือต้องลองในระยะเวลาอันใกล้

นึกถึงเพื่อนบางคนที่ล้มหายตายจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน บางที Bucket List ที่น่าทำที่สุดคงไม่ใช่เรื่องที่สนองความต้องการของตัวเอง แต่เป็นการเตรียมพร้อมให้คนข้างหลังให้ดีที่สุด เอาง่ายๆ ว่าผมยังไม่ได้แจกแจงพอร์ตหุ้นพอร์ตกองทุน ประกันชีวิต และเงินฝากเงินเม้มให้คนใกล้ตัวได้รับทราบทั้งหมดเลย ถ้าอยู่ๆ วันดีคืนดีมีอันต้องถูกอีกโลกนึงเรียกตัวไป ครั้นจะขอเวลาห้านาทีกลับมาบอกคนที่บ้านว่าอะไรอยู่ตรงไหนก็เกรงว่าเขาคงจะไม่อนุญาต เห็นทีจะต้องทำเรื่องแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ให้ละเอียดซะแต่ตอนนี้

นั่งรู้สึก (ไปเอง?) ว่าหัวใจเต้นแปลก หายใจขัดๆ เหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย ฯลฯ สารพัดวิตกจริตอยู่อาทิตย์นึง กลับไปหาหมอซ้ำอีกทีที่โรงพยาบาลพญาไท หมอตรวจดูกราฟแล้วโบกไม้โบกมือบอกว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก ให้ไปปรับนิสัยการบริโภคบางอย่างดูก่อน แล้วค่อยมาสแกนหัวใจอีกหนึ่งเดือน แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมกลับมาเอาจริงเอาจังกับอาหารมากขึ้น กลายเป็นคนช่างเลือกได้อย่างน่ารำคาญเป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยหวังจะให้หัวใจไม่ขี้เกียจเต้นมากไปกว่านี้

ไม่น่าเชื่อ วันนี้ ลีโอกระป๋องนึงนอนแช่ในตู้เย็นก็ยังไม่กล้าหยิบมาเปิด กลัวถูกเสือกัด หรือเดือนหน้าจะต้องไปพบจิตแพทย์เพิ่มด้วยนะ

ผ่านชีวิตกันมาคนละหลายฤดูฝนแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรกันบ้าง อยากเห็น Bucket List ของพวกเราบ้างว่ะ เผื่อไอเดียดีๆ จะขอลอกหน่อย

Read Full Post »

“สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์  เมืองไทยต้องการพัฒนาข้าวเพื่อส่งออก  ต้องการเป็นผู้นำการส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ก็ไปจ้างนักวิชาการจากสหรัฐฯ มาคัดเลือกและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าว  นักวิชาการคนนี้สั่งให้รวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าวจากทั่วประเทศ  ได้มาสองร้อยกว่าชนิดก็ลองปลูก  เอาปุ๋ยใส่  แปลงไหนที่ตอบสนองปุ๋ยดี  คือใส่ปุ๋ยแล้วโตดี  เขาก็เก็บไว้  แปลงไหนไม่ชอบปุ๋ยก็ตัดออก  พันธุ์ข้าวที่ได้คือพันธุ์ข้าวที่ชอบปุ๋ยทั้งสิ้น  มหาวิทยาลัยต่างๆ ก็สอนเทคนิคเดียวกันหมด  ทุกวันนี้เราเลยพัฒนาแต่พันธุ์ที่ตอบสนองต่อสารเคมีทั้งสิ้น  พันธุ์ที่เราปลูกทุกอยู่วันนี้จึงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีปุ๋ยเคมี  ยาฆ่าแมลง  เพราะเขาเลือกแต่พันธุ์อ่อนแอพวกนี้ไว้  คนปลูกจึงจำเป็นต้องใช้สารเคมีตลอด  เวลาขายก็ขายเป็นเซ็ต  ซื้อเมล็ดพันธุ์แล้วต้องซื้อปุ๋ยกับยาฆ่าแมลงไปด้วย  ไม่ใช้ก็ไม่ได้  เพราะมันจะไม่โต

อย่างข้าวหอมมะลิแท้  เมล็ดเล็กๆ ก้นเรียวๆ หุงแล้วหอมไกลมาก  แต่ทุกวันนี้เราพัฒนาให้เมล็ดใหญ่  ให้รวงดก  แต่กลิ่นไม่เหมือนเดิม  ไม่หอม  รสชาติก็ไม่เหมือนเดิม  แต่ได้ผลผลิตสูง  ปลูกแล้วขายได้  การพัฒนาพันธุ์ในปัจจุบันไม่ได้พัฒนาให้คนกิน  แต่เพื่อขาย  เพื่อยึดครองตลาด  เท่านั้นเอง  เวลาชาวบ้่านเขาพัฒนาพันธุ์ข้าว  เขาคัดเลือกพันธุ์ที่ดีจริงๆ เอามาปลูกต่อ แจกจ่ายต่อ  แต่ภาคธุรกิจกับภาครัฐบาลกลับทำสิ่งที่ตรงกันข้าม  คือเขาพัฒนาพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุด  แต่ให้ผลผลิตมาก  รสชาติไม่ต้องพูดถึง  แย่  อายุก็สั้นมาก  อย่างมะเขือเทศพื้นบ้าน  ถ้าดินดี  นำ้ดี  อาหารดี  มันอยู๋ได้เป็นปี  พันธุ์ที่ผมปลูก  ต้นเดียวเลี้ยง ๒ ครอบครัวได้สบาย  เก็บทีนึงเป็นถัง  แต่พันธุ์ที่ไปซื้อเมล็ดพันธุ์มาลูกมันจะดกมาก สามเดือนกว่าๆ  ลูกเต็มต้นเลย  ออกครั้งเดียวแล้วก็ตายเลย  รสชาติก็แย่

รู้ไหมว่า  มำไมมะเขือเทศที่เรากินทุกวันนี้ถึงเหนียว  เพราะฟาร์มใหญ่ๆที่ปลูกมะเขือเทศมีพื้นที่เป็นพันไร่  มันเสียเวลามากที่จะต้องใช้คนขนมะเขือเทศ  เขาเลยใช้สายพานส่งมะเขือเทศจากปลายไร่กลับมาในโรงงาน  มะเขือเทศก็กลิ้งมาตามสายพาน  ถ้าเป็นมะเขือเทศปรกติมันจะช้ำและแตก  เขาก็เลยออกแบบให้มันเหนียว  จะได้ขนส่งไกลๆได้  หรือบางอย่างออกแบบให้มีสีแดงแต่ยังไม่สุก  จะได้เก็บไว้ขายได้นานๆ  รสชาติไม่ได้เรื่อง

รสชาติของอาหารคือสิ่งที่บ่งบอกคุณค่าของอาหาร  ผักพื้นบ้านมีรสฝาด  รสขม  รสเปรี้ยว  หลายๆรส  แต่ผักที่เราซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกวันนี้รสชาติเหมือนกันหมด  คือจืด  น้ำเยอะ  เป็นผักที่เติบโตจากไนโตรเจน  ฟอสฟอรัส  โปรตัสเซียม  ทุกวันนี้เราเหมือนกินพืชสังเคราะห์ ไม่ใช่พืชธรรมชาติ  อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเท็กซัสเอาบร็อกโคลี  มะเขือเทศ  มันฝรั่ง  มาทำวิจัยพบว่า  สารอาหารลดลงกว่าเมื่อ ๕๐ ปีที่แล้วถึงเกือบ ๕๐ เปอร์เซ็นต์  บางอย่างก็ ๖๐ เปอร์เซ็นต์  เพราะเราใส่ปุ๋ยเร่งให้โตเร็ว  ออกลูกเร็ว  ออกลูกใหญ่  การโตเร็วทำให้ไม่สามารถสะสมสารอาหารอย่างอื่นได้

เหมือนกับไก่ ปลา เราเร่งให้มันโตเร็ว  รสเลยจืดมาก  ไก่ปรกติใช้เวลา ๓ เดือน ถึงจะหนัก ๑ กิโล แต่ไก่ที่เรากินทุกวันนี้ใช้เวลา ๒๘ วัน  ผักบุ้งที่ขายในตลาดอายุ ๑๔ วัน ใส่แต่น้ำกับยูเรีย  นั่นแหละคือสิ่งที่เรากิน  เวลาคนแก่ตามบ้านนอกเข้ามาในเมือง  เขาเลยกินอะไรไม่ค่อยได้  กินปลาก็ไม่อร่อยเพราะเป็นปลาเลี้ยง  เนื้อมันยุ่ย  กินไก่ย่างก็บอกว่าจืดเหมือนกินฟองน้ำเพราะเป็นไก่ฟาร์ม  คนที่โตมากับฟาร์มอาจจะบอกว่าไก่พื้นบ้านมันเหนียวเกินไป  เพราะเราไม่คุ้น  ทุกวันนี้เราไม่ได้สนใจเรื่องรสชาติอาหารแล้ว  เราถูกฝึกให้กินในสิ่งที่เขาอยากให้กิน  ตอนนี้อะไรจะอร่อยไม่อร่อยมันขึ้นอยู่กับผงชูรสกับซอส  การปรุงอาหารเมื่อก่อนมีแต่เกลือ  แต่ทุกวันนี้มีซอสอะไรต่อมิอะไรเป็นแถวเลย  เพราะอาหารที่เรากินมันไม่มีรสชาติ  ต้องหารสชาติมาใส่เข้าไปเยอะๆ  จนไม่รู้ว่าเรากินอะไรบ้างแล้ว  ทำให้ทุกวันนี้เรากินอาหารเยอะๆ  อาหารดีๆ  แต่ก็ยังเป็นโรคขาดสารอาหาร

อาหารของเราอยู่ในภาวะวิกฤตมาก  เมล็ดพันธุ์ของเราสูญหายไป  และอยู่ในกำมือคนไม่กี่คน  แล้วก็คนไม่กี่คนก็พัฒนาเมล็ดพันธุ์มาเพื่อผูกขาด  ไม่ได้พัฒนามาเพื่อให้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้น  อันนี้ทำให้เราเห็นว่าจำเป็นต้องรีบทำอะไรสักอย่างเพื่อระงับวิกฤตที่จะตามมาในเร็วๆนี้  วิกฤตทางอาหารถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก  ทุกชีวิตอยู่ได้เพราะอาหาร  ไม่มีอาหารเราก็อยู่ไม่ได้”

http://www.redbullspirit.org/index.php/seed-for-life/372-2009-02-20-10-37-42.html

http://www.volunteerspirit.org/node/983

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ตัดและคัดลอกมาจาก  นิตยสาร  a day ฉบับ  ๑๐๙  คอลัมน์  ‘a day with a view’ สัมภาษน์ โจน จันใด (ผู้เคยบุกเบิกการสร้างบ้านดินในเมืองไทย)

Read Full Post »

คนเหมืองทิ้งกระป๋องโค้กซีโร่เอาไว้ให้ดูต่างหน้า จะส่งอีเอ็มเอสกลับไปให้ถึงอุบลฯ ก็ใช่ที่ กลางวันนี้อากาศร้อนอบอ้าวก็เอามาเปิดดื่มซะ รสชาติใช้ได้ดังคำให้การของคนเหมือง มันหวานน้อยๆ ตามความสามารถของสารให้ความหวานชื่อเรียกยาก (เอซี ซัลเฟมเค แอสปาแตม และซูคราโลส) ไม่ได้พยายามหวานเกินเหตุให้เสียจริตความหวานเหมือนอย่างเครื่องดื่มไดเอทอื่นๆ

ดื่มแล้วอารมณ์ดี พลิกกระป๋องมาดูชื่อผลิตภัณฑ์อีกครั้ง พาลนึกถึงศิลปินยุคที่เรายังละอ่อน ฮัมเพลงในใจ

…ฟ้ายังมีหม่น ฝนยังมีวันแล้ง…

 Coke 0

 

นึกถึงเจ้าของโค้กกระป๋องนี้ที่มันปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและนิสัยการบริโภคอย่างหน้ามือเป็นหลังตีน นึกถึงนีโมที่งดกินข้าวมื้อเย็นและระมัดระวังอาหารพวกคลอเรสเตอรอล นึกถึงเพื่อนอีกสองสามคนที่เอาจริงเอาจังกับการบริโภคเพื่อสุขภาพ แล้วย้อนกลับมาดูตัวเองที่ยังกินไม่เลือกด้วยปรัชญาการกินข้อเดียวคือขอเพียงให้มันเป็นสิ่งที่ตายแล้วเท่านั้น ดังนั้น หวานเย็น ขนมหม้อแกง ต้มเลือดหมูใส่ทุกอย่าง ลาบก้อย จระเข้ฟาดหาง แอ็บสมองหมู อาหารจะดิบจะสุกจะมันจะหวาน มีโอกาสสร้างความบันเทิงให้ปากผมอย่างเท่าเทียม ไม่แน่ใจการออกวิ่งวันละครึ่งชั่วโมงเป็นการสร้างเสริมสุขภาพหรือเป็นข้อแก้ตัวที่ทำให้ผมกล้าจะเติมอาหารขยะเข้าไปในร่างกายใหม่อีกรอบ

เช้าวันนี้ระหว่างรอไอ้ตัวเล็กฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ผมแวะเข้าไปคุยกับตัวแทนประกันบริษัทหนึ่งที่มาตั้งบูธ (เป็นยุทธศาสตร์ที่ฉลาดสุดๆ ที่มาดักรอพ่อแม่ที่แผนกเด็ก) สาเหตุที่เกิดแรงดึงดูดระหว่างตัวผมกับบูธนี้คือความจริงที่ได้พบเห็นว่าในช่วงปีนี้มีญาติผู้ใหญ่สองคนต้องจากไปด้วยโรคมะเร็ง ทั้งคู่เป็นคนที่ดูแลตัวเองพอสมควร แต่ก็ยังไม่วายต้องเผชิญกับโรคร้ายที่ไม่มีใครคาดคิด นอกจากความเสียใจของครอบครัวของผู้สูญเสียแล้วยังก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจครอบครัวจากค่ารักษาไม่ใช่น้อยๆ

ผมสอบถามหลายโปรแกรม พยายามหาโปรแกรมที่ครอบคลุมหลายๆ โรคหน่อย แต่เบี้ยประกันก็ต้องแพงขึ้นตามขอบเขตการคุ้มครองเป็นธรรมดา ผมเคยมองการทำประกันชีวิตเป็นการลงทุนรูปแบบนึง เลยไม่เห็นด้วยกับการทำประกันสุขภาพที่เราจ่ายเงินทิ้งขว้างไปโดยไม่ได้ผลตอบแทน แต่มาสะดุดกับคำพูดคนขายประกันที่ถามว่าพี่จ่ายเงินประกันรถปีละเท่าไหร่ พี่เป็นห่วงรถพี่แต่ทำไมไม่เป็นห่วงตัวเองกับครอบครัวบ้าง (แง่ง… ใครเป็นคนคิดคอนเซปท์นี้วะ เก่งจริงๆ)

อาจจะได้เวลาที่ต้องไปเช็คร่างกายแบบฟูลอ๊อปชั่นซะที ที่สำคัญคืออาจจะได้เวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินครั้งใหญ่ เอาเหอะ สุราเมรยก็ยังคงมีแต่เว้นระยะบ้างก็ดี ของที่งดได้ลดได้ก็คงเป็นพวก น้ำอัดลม เนื้อติดมัน เครื่องใน ของเผ็ด และอื่นๆ การดูแลตัวเองก็เหมือนกับดูแลคนข้างๆ เราไปด้วย

โค้ก ซีโร่ หมดไปพร้อมกับหนึ่งความคิดที่ได้มา

รัก (แล้ว) ต้องยอมเปลี่ยนแปลง

อือ อะไรของมันวะเนี่ย โค้กหมดหนึ่งกระป๋อง เมามายไปไหนต่อไหนได้ปานนั้น

รอบหน้าลองทิ้งไวน์ไว้ซักขวดสิ คนเหมือง

Read Full Post »

ช้าก่อน ไม่ใช่ท่าเพื่อกระทำการใดอย่างว่า แต่เป็นท่าบริหารเพื่อสุขภาพหลัง

เราท่านต่างใช้เวลานั่งวันละนานๆ ทำให้เกิดอาการปวดหลัง หลังแข็งได้ ในระยะยาวเสียหายต่อสุขภาพมาก จึงขอเสนอท่าบริหารเพื่อปรับสภาพหลังให้อยู่กับเราไปนานๆ

หลังของคนเรามีธรรมชาติที่ “ไม่ค่อยแข็งแรง” เปรียบคล้ายเสาวิทยุ สูงชลูด จำเป็นต้องมีลวดสลิงขึงไว้ทุกทิศ ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย และด้านขวา

คนเรามีระบบลวดสลิงที่ทำให้หลังแข็งแรงได้แก่ กล้ามเนื้อและเอ็นที่อยู่ล้อมรอบกระดูกสันหลังทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย และด้านขวาเช่นกัน

กล้ามเนื้อและเอ็นที่มีส่วนช่วยพยุง และประคับประคองกระดูกสันหลังไว้มากที่สุดได้แก่ โครงสร้างกล้ามเนื้อด้านหลัง (กล้ามเนื้อหลัง) และกล้ามเนื้อด้านหน้า (กล้ามเนื้อหน้าท้อง)

ปัญหาของโครงสร้างประคับประคองกระดูกสันหลังที่พบบ่อยมากๆ ได้แก่ กล้ามเนื้อหน้าท้องอ่อนแอ กล้ามเนื้อหลังอ่อนแอ และกล้ามเนื้อหลังตึงหรือ “เส้นตึง” มากเกินไป

วิธีถนอมสุขภาพหลังที่สำคัญประกอบด้วยการยืน เดิน นั่ง นอนให้ถูกท่า โดยเน้นการอยู่ในท่า “เกือบตรง” ไม่งอ (ไปด้านหน้า) ไม่แอ่น (ไปด้านหลัง) และไม่เอียงซ้ายหรือเอียงขวา

ท่านอนที่ดีกับสุขภาพหลังมากๆ ได้แก่ ท่านอนตะแคง เข่ากอดหมอนนุ่มบางๆ และท่านอนหงาย มีหมอนนุ่มบางๆ หนุนรองเข่า

เพื่อโครงสร้างพยุงกระดูกสันหลังที่ดี อาศัยการฝึก 2 อย่างควบคู่กันได้แก่

(1). ยืดเส้น (stretching) > เพื่อให้กล้ามเนื้อและเอ็นไม่หดสั้น หรือมีความตึงตัวมากเกิน

(2). ต้านแรง (strengthening) > เพื่อให้กล้ามเนื้อและเอ็นแข็งแรง ทนต่อความลำบากตรากตรำได้มากขึ้น

ท่าที่ 1 > ท่ายืดเส้นส่วนหลัง ส่วนเอว

ท่านี้ให้เริ่มจากการนั่งขัดสมาธิ ยกแขนขึ้นเหนือหัว ค่อยๆ ก้มไปข้างหน้าช้าๆ หายใจออกช้าๆ

  • เวลาทำต้องระวังอย่ากลั้นหายใจ ให้หายใจช้าๆ ถ้าหายใจออกจนหมดลมหายใจแล้ว ให้หายใจเข้า-ออกช้าๆ ไปเรื่อยๆ

 

ท่าที่ 2 > ท่าเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อหลัง

ช่วงแรกให้ลองยกแขนกับขาทีละข้างก่อน

  • เมื่อแข็งแรงมากขึ้นแล้ว ค่อยยกแขนและขา 2 ข้างขึ้นพร้อมกัน
  • เวลาฝึกให้หายใจเข้า-ออกช้าๆ อย่ากลั้นหายใจ

ท่าที่ 3 > ท่าเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อหน้าท้อง [ ไม่ได้แสดงภาพประกอบไว้ ]

  • ท่านี้เริ่มจากการนอนหงาย งอเข่าทั้ง 2 ข้าง
  • หลังจากนั้นให้ยกส่วนอกและส่วนหัวขึ้นช้าๆ เกร็งค้างไว้ (เหนือระดับพื้น และสูงหน่อยจึงจะดี)
  • เวลาฝึกอย่ากลั้นหายใจ ให้หายใจเข้า-ออกช้าๆ

หรือจะทำท่า “ซิท-อัพ (sit-up)” แทนก็ได้ ขอเพียงให้ทำ 2 แบบ (ถ้าชอบทำแบบเดียว ควรทำในท่างอเข่า เนื่องจากคนเรามักจะมีกล้ามเนื้อหน้าท้องอ่อนแอมากกว่ากล้ามเนื้อหลัง)

(1). ซิท-อัพแบบงอเข่า เพื่อบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง

(2). ซิท-อัพแบบเหยียดเข่า เพื่อบริหารกล้ามเนื้อหลัง

ที่ยกมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนังสือ “ดูแลตัวเองด้วยกายภาพบำบัด ปวดหลัง” โดย อาจารย์ ผศ.ดร.มัณฑนา วงศ์ศิรินวรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัด แห่งคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล

ข้อควรระวังก่อนทำกายบริหารที่มีการเกร็ง หรือออกกำลังสร้างความแข็งแรงได้แก่

(1). ต้องตรวจเช็คความดันเลือดเป็นประจำก่อนเสมอ

(2). ถ้าตรวจพบโรคความดันเลือดสูง ต้องรักษาให้ดีเสียก่อน และอย่าลืมปรึกษาหมอ เภสัชกร พยาบาล หรือหมออนามัยที่ดูแลท่านว่า จะออกกำลังแบบนี้ได้หรือไม่

(3). อย่ากลั้นหายใจ

  • การออกกำลังสร้างความแข็งแรงไปพร้อมกับการกลั้นหายใจอาจทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นมากจนเป็นอันตรายได้

ข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/health2you/2008/10/12/entry-1

Read Full Post »

เต๋าแห่งกามารมณ์

หนังสือเรื่อง “The Tao of Health, Sex, and Longevity” แต่งโดย Daniel Reid นี้ แปลโดย กิติกร มีทรัพย์  ผมซื้อมาอ่านตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน เนื้อหาน่าสนใจทีเดียว เกี่ยวกับเรื่องของ Sex และ สุขภาพตามแนวเต๋า ซึ่งมีมาแต่โบราณ มีอีกเล่มหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาทำนองเดียวกันนี้ และ ออกมาก่อน คือ “Tao of Love and Sex” แต่งโดย Jolan Chang และ แปลโดย หยินหยาง แต่เล่มนั้นถูกเพื่อนสาวของเราคนหนึ่งยืมไป แล้ว(ทำเป็น)ลืมคืน มาจนบัดนี้ ผมจะได้ทำการเลือกบางตอน มาสรุปเรียบเรียงใหม่ และจะทยอยลงไปเป็นตอนๆต่อไปนะครับ

ตอนที่ 1 สัญญลักษณ์ห้า ปรารถนาห้า ดรรชนีสิบ

ในสมัยแห่งจักรพรรดิ หวั่ง ตี้ หรือ จักรพรรดิเหลืองผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดินจีน จากการตรากตรำงานและเกมส์กาม พระองค์เริ่มสุขภาพเสื่อมถอยและหดหู่ต่อเรื่องเพศ พระองค์จึงได้ขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษาด้านชีวิตรักใคร่ของพระองค์ คือ สตรีชื่อ ซู นุ (และ ผู้ช่วยอีก 2 นาง คือ ซวน นุ และ ไซ นุ) ซึ่งได้ถวายคำแนะนำตามแนวทางเต๋าให้กับพระองค์ ต่อมาหลังจากที่ได้ฝึกฝนตามแนวทางนั้นแล้ว สุขภาพของพระองค์ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ จนสุดท้าย ตามตำนานกล่าวว่า พระองค์สำเร็จเป็นเซียน ขี่กระเรียนขึ้นสู่สวรรค์ (ขนาดนั้น)

กาลหนึ่ง จักรพรรดิ ทรงถามที่ปรึกษาว่า “ข้าจะล่วงรู้ได้อย่างไรว่า แม่นางของข้า พอใจรสสเน่หาในการร่วมประเวณีกับข้า” ที่ปรึกษาจึงถวายคำแนะนำถึงข้อสังเกตและกิริยาที่สอดคล้องเหมาะสมแก่จักรพรรดิดังนี้

สัญญลักษณ์ทั้งห้า คือ การตอบสนองทางเพศโดยไม่รู้ตัวของนาง

1. ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง – พระองค์พึงคลึงแท่งหยกอย่างนุ่มนวลบนเนินสวรรค์ไปโดยรอบ
2. ปลายถันแข็งขึ้นและมีเม็ดเหงื่อปรากฏรอบปลายจมูก – นางพร้อมให้พระองค์สอดแท่งหยกเข้าสู่ประตูหยกอย่างช้าๆ
3. กลืนน้ำลาย ริมฝีปากแห้ง คอแห้ง – นางเริ่มเร่าร้อนอยู่ภายใน พระองค์พึงสอดแท่งหยกให้ลึกลง
4. ประตูหยกของนางเปียกชุ่มและลื่นด้วยธาตุน้ำ – พระองค์พึงสอดแท่งหยกให้ลึกลงเต็มที่และเคลื่อนไหวไปให้ทั่ววังสวรรค์
5. ธาตุน้ำของนางเอ่อท้นประตูหยกออกมา – นางได้รับประสบการณ์ “กระแสน้ำเชี่ยว” (น่าจะหมายถึง Female Ejeculation , ความเห็นของผมเอง) พระองค์พึงลดกำลังกดและถอนแท่งหยกออกช้าๆ 

ปรารถนาทั้งห้า แสดงถึงระดับความปรารถนาของนาง

1. หายใจถี่ตื้นและชีพจรเต้นเร็ว – อาการจะปรากฏช่วงสั้นๆ แสดงถึงความมีอารมณ์ปรารถนา
2. รูจมูกขยาย ริมฝีปากเผยอและน้อย – นางปรารถนาให้สัมผัสและลูบไล้เนินสวรรค์
3. ธาตุน้ำแห่งหยินเอ่อท้น ร่างสั่นสะท้านเล็กน้อย และเกร็งด้วยอารมณ์ตื่นเต้น – นางจะกระชับพระองค์ไว้แน่น
4. เกิดอาการ “เข้าสมาธิ” (orgasm)
5. อาการนี้จะปรากฏต่อเมื่อนางได้บรรลุอารมณ์ที่ดื่มด่ำและพึงใจที่สุดยิ่งกว่าการบรรลุจุดสุดยอดปกติ – ร่างของนางจะเกร็งเขม็งตรง ดวงตาปิดสนิท คล้องขารอบเอวของพระองค์แน่นหนาราวกับจะดึงพระองค์ให้ลึกลง ประดุจว่าวิญญาณของนางได้ล่องลอยไปกับสายลม

ดรรชนีทั้งสิบ คือ การแสดงออกอย่างจงใจและละเอียดอ่อนของนาง เพื่อบอกว่าต้องการให้พระองค์ทำอย่างไร

1. สวมกอดด้วยวงแขนและขาเพื่อแนบแน่นร่างเข้าด้วยกัน – นางปรารถนาให้เครื่องเพศสัมผัสกัน
2. โค้งสะโพกขึ้น – นางปรารถนาแรงกระตุ้นที่ประตูหยก
3. เหยียดตัวตรงและขยายต้นขากว้างขึ้น – นางต้องการให้สอดใส่แท่งหยก
4. แขนทั้งคู่สั่น ไหล่สะท้าน และสะโพกสั่นไหว – นางต้องการให้กดทับแนบแน่นเข้าที่วังสวรรค์
5. ยกขาทั้งคู่ขึ้น บิดข้อเท้า และคล้องเอวชายไว้ด้วยขาทั้งคู่
6. เหยียดขาออกโดยพลันและไขว้ไว้ที่หลังน่องของชาย หนีบต้นขาของนางแน่น – นางต้องการกระชับแท่งหยกไว้ภายใน
7. ส่ายสะโพกไปมา – นางต้องการให้ชายกดทับลึกลงไปอีก ทั้งซ้ายและขวา
8. ยกร่างขึ้นทั้งหมดแนบตัวชาย – นางใกล้เข้าสู่จุดสุดยอด
9. กระชับแนบแน่นไปตลอดร่างโดยพลัน แขนและขาเกร็ง คลื่นความสุขเคลื่อนลงตลอดจากมือสู่เท้า – นางบรรลุจุดสูงสุด
10. เหมื่อนสัญญลักษณ์ที่ห้า คือ ปรากฏธาตุน้ำไหลล้นจากประตูหยก จิตวิญญาณล่องลอยไป – นางบรรลุจุดสุดยอดอย่างสมบูรณ์และพึงใจเต็มที่ ชี้ว่าชายปฏิบัติการได้ไร้ที่ติ เขาอาจพักและถอนทัพกลับโดยลำดับจากสนามดอกไม้ได้แล้ว

ขอจบตอนที่หนึ่งเพียงเท่านี้ก่อน ลองเอาไปสังเกตกันดูนะจ๊ะ 

Read Full Post »