Feeds:
Posts
Comments

I’m Back !!!

กลับมาแล้วจ้า หลังจากหายหน้าไปนาน

ขออภัยเพื่อนๆทุกคน ผมเองที่หมดไฟเขียนไปนาน (รวมทั้งหมดไฟในเรื่องอื่นๆด้วย)

รวมทั้งหลังๆนี้ มีสื่ออื่นมากช่องทางขึ้น อย่างเช่น Facebook

เลยไม่ได้มาอัพเดตอะไรเลย

ทั้งๆที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้ง Blog มาแต่แรก

จะทยอยเขียน เป็นระยะๆเนาะ

อาจมีเรื่องอื่นๆ หลากหลายแนวกว่าเดิม รวมทั้งเรื่องสังคมบ้านเมืองต่างๆ

ขอบคุณ ต่อขาร็อค มร.กานต์ และเพื่อนๆ ที่แวะเข้ามาเขียนนะ

แคน สังคีต

“จำเพื่อลืม ดื่มเพื่อเมา เหล้าเพื่อโลก
สุขเพื่อโศก หนาวเพื่อร้อน นอนเพื่อฝัน
ชีวิตนี้มีค่านัก ควรรักกัน
รวมความฝัน กับความจริง เป็นสิ่งเดียว”

 

โอมาร์  คัย ”ยัม” แคน สังคิต แปล

เสียดายที่ช้าไปเนิ่นนาน  คอนเสิร์ตนี้ตั้งแต่ปี ๒๐๐๒ เก็บดองดีวีดีไว้หลายปี  มัวแต่รออารมณ์แล้วอารมณ์เล่า  ส่วนซีดีนั้นฟังไปเมื่อหลายปีที่แล้ว  ความรู้สึกแตกต่างกันมากมายเมื่อได้เห็นภาพ   แค่เปิดตัวคอนเสิร์ตก็ขนลุกซู่  ดึงความรู้สึกได้รุนแรงเหลือเกิน  สนุกมากๆ  นักดนตรีสนับสนุนเพียง ๔ คน กับตำนานที่ยังมีลมหายใจ วัยล่วง ๖๐ ไปแล้ว  สุดๆครับผม  หมดปัญญาบรรยาย

บางคอนเสิร์ตเราทึ่งโปรดักชั่น  เราทึ่งนักร้อง  แต่คอนเสิร์ตนี้มันเป็นประวัติศาสตร์ของผู้คน  เพลงของ the Beatles เป็นเพลงของโลกนานแล้ว  นี่เป็นคอนเสิร์ตของหัวหอกคนสำคัญคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ของ the Beatles

ตอนที่พอล เล่นเพลงเพื่อระลึกถึง เต่าทองที่จากไป  เลนนอน และ แฮร์ริสัน ทำเอาน้ำตาซึม  ภาพประกอบที่เคยร่วมเวทีครั้งที่ยิ่งใหญ่คับโลก  ครั้งที่บริติชตีอเมริกา  และตีโลกทั้งโลกได้สำเร็จด้วยคนสี่คน  ไม่สิ  ใช้คำว่าเปลี่ยนโลกได้เลยทีเดียว  ทำให้นึกไปถึงว่าบุคคลที่เราจับจ้องอยู่คนนี้  เขาได้เดินผ่านอะไรมาที่คนธรรมดาไม่อาจจินตนาการได้ถึง

อดรู้สึกไม่ได้ที่เห็นเด็กเล็กๆ ได้อินกับเพลงของคนรุ่นนี้  และวัยรุ่นในยุคดิจิตได้ตอบรับกับความสุขจากเพลงของคนรุ่นนี้  แอบหันมามองบ้านเราอยู่เหมือนกัน

กลายเป็นงานปาร์ตี้ที่นำด้วยคนวัยพักผ่อน ปรับดนตรีได้มันมากๆ  ร่วมสมัยโดยรักษาอารมณ์เดิมๆไว้ได้

นักดนตรีสนับสนุนเล่นกันได้สุดๆ  เยี่ยมมากๆคอนเสิร์ตนี้  ประทับใจอย่างมากมาย

ได้ดูการสัมภาษณ์คนดูที่เข้าร่วม  บางคนน้ำตาไหลเพราะรอคอยมายาวนาน  บางคนว่าครั้งนั้นของ the beatles เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงชีวิต  มีความตื้นตันหลายๆประการเกิดขึ้น  ทำเอาเราแป้วไปด้วย  และรู้ได้เลยว่าเราไม่เข้าใจเขา  ความยิ่งใหญ่ที่เรารู้สึกมันอาจจะเทียบไม่ได้เลยกับพวกเขาเหล่านั้น

ทิ้งท้ายรำลึกทึ่งเต่าทองที่เงียบที่สุด  สันโดษที่สุด  และเป็นศิลปินที่สุด (ตามที่สื่อเขาว่า)

ย้ำ…นี่เป็นคอนเสิร์ตที่เยี่ยมมากๆ  คนรัก the beatles ไม่มีเหตุผลที่จะละเลย  ความสุขล้วนๆ มั่นใจครับผม  อย่างน้อยเราก็ได้อยู่ทันคนดนตรีระดับประวัติศาสตร์โลกต้องจดจำจารึกอีกหนึ่งคน  ต่อๆไปนั้นบอกได้ยากมาก  ถ้าตัดการตลาดทิ้งแล้วใครจะเป็นตำนาน

อ้อ…นี่เพลงเปิดคอนเสิร์ต  เข้าท่ามั้ยล่ะ  แทบไม่ต่างกับเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้วเลย

ถ้ามีใครไม่มีพื้นของซีรี่ย์เรื่องนี้   บอกกล่าวไว้ว่า หลายปีที่แล้ว  “เป็นต่อ(ชาคริต”)  เคยเป็นแฟนกับ  “ทิพย์(มยุริญ)”  อยู่หลายปี  เป็นต่อไม่สามารถหยุดความเจ้าชู้ของตัวเองได้  จึงเลือกที่จะบอกเลิกทิพย์ไป  ในมุมของผู้ชายที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ชายห่วยๆ  แล้วเคารพความสวยงามของผู้หญิงอีกคนเกินกว่าจะให้เขาเสียน้ำตาไปมากกว่านั้น  ทั้งที่ลึกๆ คนทั้งสองคนนี้ยังรักกันและหวังดีต่อกันตลอดมา

ที่เอาเรื่องนี้มาเขียน  มาเอ่ยกล่าวนั้นเพราะ  ส่วนตัวประทับใจกับตอนนี้มากๆ  แล้ววันนี้ได้ไปร่ำเบียร์กับจารย์ดล  ซึ่งนั่นก็ไม่แตกต่างกัน  จารย์เล่าว่าได้นั่งดูตอนนี้บนรถทัวร์  แล้วเสียอาการอย่างหนัก  ทำเอาไอ้คนทำงานกับอารมณ์อย่างผมรู้สึกดีขึ้นมาทีเดียว  คนโลจิกอย่างจารย์ก็เซได้ด้วยแอ๊คติ้งที่ขอบอกว่าสุดยอด  ยังถามจารย์เลยว่า

“นี่  ขนาดในรถทัวร์นะจารย์  ถ้าดูคนเดียวเล่า” ก็หัวเราะกันไปอย่างเข้าอกเข้าใจ

เชื่อไหมว่าขณะที่นั่งคุยกันถึงแต่ละฉากนั้น  ยังทำเอาผมขนลุกได้เลย

—-“ครั้งหนึ่ง  เราเคยรักกัน”—– ผมคิดถึงประโยคนี้ตลอดเวลาที่ขับรถไปหาจารย์ดล

มันหลากรสชาติหลากความรู้สึกเหลือเกิน   มัน…..มัน….กินเข้าไปถึงกระดูกของอารมณ์   เหมือนจะเจ็บเหมือนจะสุข   สุดท้ายคล้ายกับว่ามันไม่เหมือนอะไรเลย  อาจจะเพราะว่า มันเป็น ทั้ง “ครั้งหนึ่ง” ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว

เป็นเพราะว่าคำว่า “เรา” นั้นสะท้อนลึกลงในความผูกพัน

เป็นเพราะว่า มัน ”เคย” ซึ่งก็จะเกิดอีกได้ไม่ง่ายนัก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้

และเพราะว่าคำว่า “รักกัน” นั้นไม่อาจบรรยาย

หรือเพราะว่ามันมีเรื่องราวอารมณ์บางอย่างที่ดิ่งค้างอยู่ข้างในมาโดยตลอด  แล้วประโยคนี้ วันนี้  มันตีตะกอนที่ทิ้งนองให้ฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง

มันทำให้นึกถึงสัมผัสของความห่วงใยในอดีตที่ผ่านมา  สัมผัสของเยื่อใยหวังดีที่เคยได้รับ  สัมผัสของวันเวลาแห่งรอยยิ้มภายใน

เข็มนาฬิกาบนโลกสอนเราว่า มันไม่เคยมี “ครั้งหนึ่ง” หรอก

หากจะมี “ครั้งหนึ่ง” นั้นต้องสร้างด้วยเข็มความทรงจำของเราเอง….

—-“ครั้งหนึ่ง  เราเคยรักกัน”—–

—-“ครั้งหนึ่ง  เราเคยรักกัน”—–

“การสูญเสียความรู้สึกสะเทือนใจเป็นเรื่องใหญ่ของนักเขียน  เพราะหากมีแต่ความเฉยชา ไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว  การทำงานศิลปะย่อมถึงบทอวสาน”

 

จากคอลัมน์ “แตกกอ-ต่อยอด” โดย ศิลา โคมฉาย  มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ ๒๒-๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

คนเราก็แปลกนะ ตอนไม่ได้ใช้ iPhone ก็รู้สึกว่ามันไม่เวิร์ค แต่พอใช้ไปชักติดใจลองนู่นลองนี่ คราวนี้เลยลองของใหม่อีก ไปอ่านเจอที่ไหนซักแห่งมันมีโปรแกรมนี้ด้วยแฮะ

Amplitube iPhone

เจ้า Amplitube รู้จักเจ้านี่ครั้งแรกก็ท่านต่อขาร๊อคแกแนะนำมาว่าใช้อันนี้เวลาอัดกีต้าร์เข้าคอม…….  เอ่อ…เอางั๊นเลย

ลองโหลดมาเล่นก็หนุกดีประหยัดค่าเอฟเฟคไปโข อิ อิ คราวนี้มาอยู่ใน iPhone จะพลาดได้ไง ไปนี่เลย

ลงเสร็จ …. เอ…จะเล่นยังไงหว่าเลยต้องเสียตังค์จนได้โดยไปสอย iRig มาซะ

http://proplugin.com/guitar-guitar-effect-audio-interface-ik-multimedia-irig.pro

iRig

เอาหล่ะ Software ก็มีแล้ว Hardware ก็มีแล้วลองเลยดีกว่า จัดการเสียบทุกสิ่งทุกอย่างตามรูปเปิดโปรแกรม

-โอ๊ะมีแอมป์หลายแบบนะเนี่ย Clean, Crunch, Lead, Metal แถมแอมป์เบสมาอีกตู้ด้วย เสียงก็โอเคนะ หูบ้านๆอย่างเราฟังก็ไม่แตกต่างเท่าไร

-ลองเปิดเอฟเฟคดูก็มีให้เล่นพอควรเสียงฟังได้ไม่ขี้เหร่ มาทั้ง Fuzz, Overdrive, Distortion, Delay etc.

-เออ…เล่นง๊องๆแง๊งมันก็ดูโล่งๆเบื่อๆ ไหนเอาเพลงในโหลดไว้มาเล่นแจมดิ๊…. อันนี้ทำไม่ได้อ่ะ ต้องดึงผ่าน Network ประมาณต่อเข้า Wifi router เดียวกันแล้วใช้ ip address ไปกรอกในคอมจากนั้นค่อยโหลดเข้ามาใน iPhone อืมม์ ก็พอได้นะไม่เหนื่อยมาก แต่มันได้แค่ 20 เพลง เบื่อเพลงไหนก็ลบทิ้งแล้วกัน

-จากที่เลยมาแทบไม่มี latency เลยดีดปุ๊บเสียงมาปั๊ป เยี่ยมจริงๆ

-ขอเก็บตังค์ไปสอย iPad มาเล่นดีกว่าจะได้ก้อนๆมาเป็นถาดเลย

เอาวะ ซ้อมดนตรีคราวหน้าไม่ต้องแบกเจ้า POD XT ไปซ้อมแระ เอาโทสับเนี่ยแหละ คงจะเพียงพอแล้วมั๊ง ไปละ

จากปีสี่ เราเดินทางมาไกลนะ  วันนี้โดยส่วนตัว  โดยห้วงความคิดขณะนี้นั้น  มันไม่ไหวแล้ว เหนื่อยเหลือเกิน  คิดถึงเพื่อนๆหลายๆคน  ทั้งที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ หรือพอลุ้น  แต่พรุ่งนี้เพื่อนก็ๆนัดเจอกันแล้ว  ไม่ละเมิดใครดีกว่า  ใครๆก็มีพื้นที่รับผิดชอบ   มันไม่เหมือนอยู่คณะอีกแล้ว  ตัดสินใจช้า  เอาเป็นว่า  เดินทางไปหาน้องคนนึงที่เป็นนักดนตรีดีกว่า   ลุยกันไปสองแบนกว่า…  กว่าจะรื้อฟื้น……

ด้วยความเป็นซีเนียร์ล่ะมั้ง   จึงได้มีโอกาสไปร่วมงานรับน้องไออีที่หัวหิน  เต็มที่กันทีเดียว   แต่ภาพจำที่เข้ามาในหัวคือ…..

ผมเดินออกทะเลไปกับน้องน้อยหน่า  คลื่นแรงประมาณนึง  แรงในระดับที่เราทรงตัวได้ไม่ง่ายนัก

“น้องเอ้ย…  พี่ยืนตรงนี้  พี่ยังเดินไปหาเราลำบากเลย” นั่นคือสิ่งที่ผมบอกน้องไป

“นี่เราใช้สองขานะ  ลองพับขาซักข้างสิ  เราแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงอะไรเลย” ผมพูดต่อ

น้องแต่งสีหน้าด้วยความสงสัย

“แล้ววันนึง  ที่เราต้องออกไปเจอกับสารพัดคลื่น  สารพัดกระแส  แค่จุดยืนจุดเดียวเรายังรักษาไว้ลำบากเลย  แล้วเราจะเคลื่อนไปไห้ตรงกับที่คิดไว้นั่นหนะ  ไม่ง่ายนะ”

วันนั้นผมเอ่ยเพราะอยากให้อะไรดีๆแก่น้อง   สารพัดหลักการ  ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์   จะว่าไปก็ถือว่าตอแหลสิ้นดี  วันนี้ประโยคนั้นก็กลับมาถามตัวเองอีกครั้ง ….

ไอ้หลักการที่ว่าไปหนะ  ใช้เวลากี่ส่วนของชีวิตก็ไม่รู้ที่จะเรียนรู้มัน  วันนี้พอได้กลับมามองมันแล้ว  สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ไม่เห็นเข้าใจอะไรมันเลยสักนิด  ได้แต่คิดว่า…คิดว่า…จนมีจังหวะให้ทบทวนนึกได้…..

กลับมาถามตัวเองอีกครั้ง   สอนอะไรน้องๆไปบ้าง   วันนั้นเรายิ่งใหญ่เหลือเกิน  อยากจะพูดอะไรก็พูด  อยากจะทำอะไรเราก็ทำ   ก็เรามันยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วในโลกใบนั้น   แต่สุดท้าย  กรูก็เข้าใจอะไรในกะลาเท่านั้น  ไอ้หวังหนะหวังดี  จังหวะหนะก็ใช่   แต่สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มให้ตัวเองในวันนี้…

เข็มนาฬิกามันกวาดอะไรไปมากกว่าที่คิด….น้องๆ มันเติบใหญ่แล้ว  อาจจะเข้าใจอะไรดีๆกว่าที่พี่ๆเคยว่าไว้

มีแต่คำว่า”น้อง” นั่นแหละที่ “ศักดิ์สิทธ์ “ คำว่า “พี่” นั่นแหละ “สันดาน” ไอ้เรื่องนี้คงยังไม่จางไปนัก…

ถามตัวเองอีกครั้ง  มีอีกกี่หลักการที่พร่ำบอกผู้คน  ทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรมันเลย

แล้วพรุ่งนี้เราจะสอนคนรุ่นถัดไปอย่างไรดี

ไม่เป็นไร….อย่างไรก็ตาม    ในห้วงคลื่นทะเลที่เราเลือกลุยกันออกไป   ในที่ๆเราจะยืนอยู่นั้น  ถ้ายังพอจะเห็นหน้ากันได้

กรูจะได้ถามเพื่อนๆ ต่อไปว่า  “…………..”

06:30 @ Pran

06:30 @ Pran

( หึๆๆๆ  นึกถึงความเลวของไอ้ก้วง   ครั้งนั้นสี่ทุ่มกว่าๆ มันมาหน้าบ้าน  ในวันที่ไม่มีใครสัมผัสมือถือ  บอกว่าจะพาไปที่ที่นึง  อันนี้ถือว่ามัดมือชก  ถามมันวันนี้  มันก็คงหัวร่อ  ได้แต่มุ่งสู่ ท่าน้ำสะพานพระรามเจ็ด…….. ไม่นับว่ามันพาไปซื้อเบียร์แล้วทิ้งให้ร่ำอยู่คนเดียว  ยอมรับว่าพื้นที่สวยงามจริงๆ  หลังจากนั้น  ๗๖,๗๘,๗๙ ก็ใช้เป็นพื้นที่ร่ำอยู่พักนึง  เพราะกรูพามันมารู้จัก หึๆๆ ไอ้เ-ยก้วง )

เห็นจารย์ ว่าเรื่อง sexy   ก็เลยนึกถึงว่าเคยข้องใจกับเอ็มวีนี้ที่โดดเด่นสมัยมหาลัย  ก็ตั้งคำถามว่าวันนี้มันจะยังให้ความรู้สึกเดิมอยู่รึเปล่า  ในวันที่โลกหมุนไปไกลจากเดิมมากมาย   สามารถเห็นภาพเห็นสื่อยวนใจได้ทุกวี่ทุกวัน  ท่านๆว่ายังไงเอ่ย

เอาอีกๆ  น้องเค้าไปไหนแล้วไม่รู้  ยังได้มั้ยเอ่ย

คิดถึง Madonna

ฟังเพลงวงเซ็กซี่รุ่นลูกรุ่นหลานแล้ว นึกถึงเซ็กซี่รุ่นคุณแม่คุณป้าขึ้นมา

Madonna มีหลายเพลงที่ผมชอบ สมัยเด็กๆ ดูคอนเสิร์ต Who’s that girl ของเจ๊แกอย่างมันส์เลย

แกเป็นต้นแบบให้ศิลปินรุ่นหลังมากมายเลยทีเดียว ส่งอิทธิพลมาถึงเกาหลีเดี๋ยวนี้ด้วย

เอามาฝาก 3 เพลง เหมือน Post ก่อนหน้านี้เลย จำกันได้มั่งไหมเอ่ย

ฟังๆดูบางเพลงกลิ่นไอคล้ายๆเพลงของ KARA ที่เคยเอามาฝากเลยนะ

Sweet KARA

มีไม่มากนัก สำหรับวงเกาหลีที่ผมชอบ

นี่เป็นวงหนึ่ง ชอบอยู่หลายเพลง ออกแนวคล้ายๆญี่ปุ่น ปนกับเพลงฝรั่งยุคเก่า

น้องๆเขาก็น่ารักดี ออกแนวหวานๆปนเซ็กซี่เล็กน้อย ไม่หวือหวาวาบหวิวเหมือนอีกหลายๆวง (เช่น Rainbow ของพี่ต่อขาร็อค เป็นต้น)

เอามาฝากซัก 3 เพลงนะ

ซากอ้อย

อยู่ดีๆ มีจังหวะให้นึกถึงเพลงนี้เข้า

ฟังแล้วโดนดี แบบลูกทุ่งปนร็อคภูธร

เมโลดี้เพราะนะ แบบไทยแท้เลย

บรรเลงโดย บร๊ะเจ้าโจ้ก แอนด์เดอะแก็งค์

ซากอ้อย [So Cool]

หลังจากที่มีเงินก้อนเดินเข้ามา  ก็มีเรื่องจับจ่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต จากไอ้ที่พังๆผุๆ ก็มีจังหวะที่ใครต่อใครนำเสนอโอกาสดีๆเข้ามา

ไอ้เราก็ใช้กีตาร์ตัวเดิมมาเกือบยี่สิบปี ใช้ลุยทุกอย่าง  ก็ไม่ตอบโจทย์ในหลายๆกรณี  ต้องหาหยิบยืมกันไป  คราวนี้แหละจะได้หากีตาร์ที่มันตอบโจทย์ได้หลากหลาย  ทั้งศึกษาข้อมูล เดินทางไปลอง ถามไถ่ผู้รู้  เอาความรู้สึกตัวเองจับ  จนได้ของมา  ก็ดันมีคนเสนอโอกาสดีๆ ในการจะได้เป็นเจ้าของกีตาร์อีกตัวที่หาซื้อในนี้ยากลำบาก ด้วยราคาที่ต่ำกว่าการเอาเข้ามาครึ่งๆ ทั้งมีนักดนตรีเลือกของให้  ดูเป็นเงื่อนไขที่ไม่น่าปฏิเสธเลย  ยิ่งได้ใช้ทำงานไปบ้างแล้ว  ไอ้ที่เลือกมานี่…เออ…มันเวิร์คจริงๆ  ภูมิใจเหมือนกันนะเนี่ย

ไม่พอๆ  เมื่อมีคนในบ้านเดินทางไปทางไกล ไถ่ถามอยากได้อะไรที่นู้นบ้าง  ลังเลๆเพราะร่อยหรอ  เอ…แต่ของที่ว่าก็หาที่นี่ได้ยากเย็น  สุดท้ายก็เอาข้อมูลบอกกล่าวไป  พร้อมกำกับว่า  ไม่ซีเรียส ถือเป็นของแถมแล้วกัน  ไม่ต้องพยายาม

นั่นแหละ  ด้วยน้ำใจ  แล้วของก็มาถึงมือ  ทั้งที่ทำใจแล้วว่า ได้ก็ดีไม่ได้ก็ดี  มีข้อดีทั้งนั้น  แต่ก็แอบคิดว่าไม่เป็นไรนะ  ของไม่ได้เงินก็จะเหลืออยู่บ้าง  ของได้มาก็ช่วยส่งเสริมไอเดียการทำงาน   555  แล้วของมันก็มา….

มาพร้อม ใบเก็บค่าประกันรถ ค่าประกันชีวิต  ค่าจัดการกีตาร์ที่ได้มาให้ทำงานได้จริง  นอกเหนือจากการที่โทรถามเจ็ดแปดร้าน มีสายขายร้านเดียว  นี่น้า…หาของที่ที่นี่ไม่ค่อยนิยม  ก็แบกภาระไป

ปิ๊งป่อง…คอมพ์เงียบสนิท  เปิดไม่ติดเสียแล้ว  ในวันที่มีงานเริ่มเร่งเข้ามาใหม่เสียด้วย  อือ…พรุ่งนี้ ฟอร์จูน

เสียงครืด…ฝ้าทีบาร์ ร่วงลงมาบล็อกนึง  ได้แต่กระพริบตาปริบๆ  หัวเราะในใจ  เอาๆ …จะมีอะไรอีกมั้ยเนี่ย

ก็อย่างนี้แหละนะ….บางทีชีวิตก็รุมเร้า

ไอ้ของนี่ก็ภูมิใจนะ   ไอ้ภาระนี่ก็เหนื่อยใจนะ  แต่มันก็เรื่องธรรมดานิ  ใครๆก็น่าจะเคยโดน  เปลี่ยนเป็นอวดของดีกว่า  มองไปก็มีความสุข

Dobro Hound Dog Deluxe Round Neck

Tele Deluxe Nashville

Godin Summit CT

Soundtrack เพราะๆ จาก Animation เรื่อง “The Sky Crawlers”

เอามาฝากให้ฟังสบายๆนะ

Konya mo Hoshi ni Dakarete

[Ayaka]

Sail Away

[Kenji Kawai]

Japanese Monkey King

พึ่งเคยเห็น วงต่างประเทศ ที่เขาชอบเพลงไทย และ เล่นเพลงไทยเป็นหลัก

วงนี้อยู่ที่แดนอาทิตย์อุทัย แต่มีนามกรว่า “หนุมาน

พวกเขาชื่นชอบเพลงไทยมากๆ และเอาเพลงไทยไปเล่นหลายเพลง ส่วนใหญ่จะเป็นแนวป๊อบร็อค เช่น Silly Fool, BodySlam, Potato และ Richman Toy

ที่มาของชื่อวงคือ เขาคิดว่า การที่มาร้องมาเล่นเพลงไทย โดยที่ร้องก็ไม่ชัดถ้อยชัดคำนัก มันดูเหมือนลิงทำเลียนแบบคน (แหม่ขนาดนั้น) แต่ไหนๆ จะเป็นลิงทั้งที ก็ขอเป็นลิงเทพก็ละกัน จึงได้ชื่อวงว่า หนุมาน ด้วยประการละฉะนี้

นอกจากจะ cover เพลงมาเล่นแล้ว รู้สึกว่าจะมีแต่งเพลงไทยเองด้วยนะ

สนใจรายละเอียดก็ลองแวะไปชมตามนี้

Home

http://www.youtube.com/user/hanumanband

เอามาลองให้ฟังซัก 2 เพลงนะ

ผลงานรุ่นพี่ (ซึ่งน่าจะเรียกว่ารุ่นลุง) ของเรา

“คุณ อาจินต์ ปัญจพรรค์”

เขียนไว้นานกาเล ตั้งแต่สมัยทหารอเมริกันมารบในอินโดจีน

เขียนเนื้อเพลงได้มันส์ดีมาก (แม้จะเป็นเพลงเศร้า)

ลองสดับรับฟังกันเอาเน้อ

อ่อ เกือบลืม ขับร้องโดย “คุณมานี มณีวรรณ” จ้า