Feeds:
Posts
Comments

Posts Tagged ‘ภาพยนตร์’

สอนกีตาร์เสร็จสี่โมงครึ่ง  รอซ้อมดนตรีที่อาร์ซีเอ สามทุ่ม  โอ้…ช่วงเวลาที่ค้างคานี้จะทำอะไรดีหนอ

วูบไปว่าดูหนังดีกว่า  อือ…แต่เรื่องอะไรดี  ยังไม่มีแรงจูงใจอะไรเลย

“Kick-Ass สิพี่  หนูอยากดู” แอนว่า

ผมมึนไปเลย  มันคืออะไรวะ    ไม่มีข่าวคราวหนังมาพักใหญ่ๆ  จับพลัดจับผลูก็เลือกเอาหน้าโรงนั่นแหละ

ถึงหน้า ยูเอ็มจี อาร์ซีเอ (โรงหนัง) ห้าโมงนิดๆ  ยืนมึนๆอีกครั้งหน้าตารางรอบหนัง  ไม่มีอะไรอยู่ในเวลาให้เลือกเลย  Kick-Ass นั้นก็เลยไปเกือยสิบนาทีแล้ว

ตัดสินใจเข้าถามที่บ๊อกออฟฟิศ  เจ้าหน้าที่โทรถามให้

“ถ้าพี่เข้าดูตอนนี้เลยทันพี่”  ผมลังเลเพราะไม่ชอบเข้าดูหนังสาย

“ทันจริงๆพี่  ไตเติ้ลกำลังจะจบ”  เอาๆ  ก็ไม่มีอะไรให้เลือกแล้วนิ

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ได้ยึดครองโรงหนังเพียงผู้เดียว  ปลอดโปร่งจากเสียงคุย  เสียงมือถือ ถุงก๊อบแก๊บ เสียงของความไม่มีมารยาทอื่นๆ

ดู Kick-Ass ไปซักพัก  เฮ้ย…หนังแ-่งเจ๋งว่ะ

“อะไรว่ะ  คนชอบซุปเปอร์ฮีโร่มีเป็นล้านคนทั่วโลก  จะไม่มีใครซักคนที่บ้าพอที่จะลุกขึ้นมาผดุงความยุติธรรมต่อสู้กับคนเลวบ้างเลยเหรอ” เดฟ พระเอกของเรื่องปรารภเสียงดัง

“ถ้ามี แ-่งก็ตายคากองตีนไปก่อนที่มึงจะรู้จักมันแล้วล่ะ” เพื่อนตอบ  (เอาความประมาณนี้นะ)

หนังเหน็บแนมประชดประชันสนุกสนาน  บทบู๊ก็โหดมันหนักหนา แต่ผมว่าสร้างสรรค์นะ  ใครชอบฉากต่อสู้จาก Kill Bill น่าจะชอบนะ

น้องผู้หญิงฮีโร่สีม่วงนั้นเล่นดี  เล่นเก่ง  และยังได้ความรู้สึกของตัวการ์ตูนด้วย

นิโคลัส เคจ ในบทที่ไม่คุ้นตานัก  เข้าท่าๆ

หนังมีอะไรให้คาดเดาไม่ได้อยู่ตลอดเวลา(ไอ้ที่เดาได้ก็พอมี)  มีสไตล์มากๆ

บางจังหวะถึงกับหัวเราะ หึๆๆ  แ-่ง มึงเอางี้เลยเหรอ  เจ๋งว่ะ ชอบๆ

เอาเป็นว่าชอบขนาดที่ออกจากโรง ต้อง sms ไปชื่นชมให้ คนจร นายยอด และแอน เหล่าพรรคพวกที่คาดว่าจะชอบหนังแนวนี้

ชอบขนาดที่ รู้สึกว่าดูอีกรอบได้  และจะหาดีวีดีมาเก็บไว้   อือ…อยากดูอีกรอบว่ะ

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

วันนี้เจอนักเรียนใหม่  วัยใสขึ้นปีสอง น้องผู้หญิงฝาแฝดสองคน (ต้องบอกว่าสองคนด้วยใช่ไหม)

นึกภาพเด็กผู้หญิงขาวๆ ตัวเล็กๆ ออกหมวยๆหน่อย  แต่งชุดฟอร์มเหมือนกันเป๊ะ  ชมพูขาว  กางเกงขาสั้นตามสมัยนิยม หวานใสซะ

เป็นธรรมเนียมที่ชั่วโมงแรก  ผมจะต้องถามไถ่ถึงความต้องการที่ตัดสินใจมาเรียนว่าจะแค่ไหนอย่างไร  ไปจนถึงฟังเพลงแบบไหนแนวไหนมา

“ก็เพลงชิลๆ ทั่วไปค่ะ” น้องว่า

“แล้วพวกเกาหลีล่ะ” ผมถาม

“ไม่ฟังค่ะ  รู้จักแต่ไม่ฟัง  ไม่ชอบ” คำตอบนี้ผิดคาด  ผู้หญิงวัยนี้  โทนนี้  ส่วนใหญ่ถึงไม่คลั่งไคล้ก็ต้องฟังบ้างแหละ

“แล้วเพลงชิลๆ  ที่เราว่านี้ยังไง  ไหนยกๆมาให้หน่อยซิ”

“เออ…คาราบาว ค่ะ”

“………..???”

Read Full Post »

จะเรียกอย่างไรก็ตาม  ก็ได้ชื่นชมชื่นชอบตะแก่ครั้งแรกที่ได้ดูในจอโทรทัศน์  ตอนนั้นก็รีบขวนขวายจะหามาแปะให้พรรคพวกผู้มีใจสุนทรีย์ได้ชมกัน  ก็ยังไม่สามารถหาได้

ผ่านมานานเนิ่นจนได้เวียนมาจับต้องซีดีชุดนี้ ให้ได้ระลึกถึงเอ็มวีสุดวิเศษนี้อีกครั้ง  คราวนี้ได้เวลาแปะสู่กันฟังกันชมเสียทีเนาะ…

เก่งจริงๆครับ ชอบๆ

Read Full Post »

ผสมตลกบ้านๆแบบบ้านเรา กับความเป็นหนังครอบครัวได้ละเมียดละไม กลมดีนัก เจืออารมณ์รักพอน่ารักๆเพื่อนำทางไปสู่….

ไม่มีตลกแหกปากกระชากวาจาเหี้ยห่ามากมายให้ระคายหู  สองแง่สองง่ามมีอยู่บ้างในสัดส่วนที่พองาม

รื่นรมย์ในการชม  ผู้ชมได้หัวเราะเป็นระยะไปตลอดเรื่อง  เพลินดีครับ  มีแอบซึ้งแอบรู้สึกเป็นช่วงๆ

ไม่มีอะไรที่ดูยัดเยียดเกินพอดี   ดารานักแสดงก็พอดีๆ ไม่มีอะไรรู้สึกเว่อร์ๆอย่างหนังขายตลกทั่วไป

บางมุกที่จะรู้สึกเก่าๆอยู่บ้าง  แต่พอมาไว้ที่พระเอก  เด็กอายุสิบสองผู้เล่นมุกแป๊กประจำก็กลายเป็นธรรมชาติไป

หลายๆมุกก็ดีอย่างคาดไม่ถึง  ไม่ใช่แค่มุกตลกนะ  มีมุกความรู้สึกบางที่ก็ดียิ่ง พระเอกนางเอกเล่นน่ารักดีครับ  ติดใจ น้องสาวตัวเล็ก เล่นได้น่ารักน่าชังเหลือเกิน  อรอนงค์ก็เล่นได้ดีดูแล้วเชื่อมากๆ  ขวัญจิต ศรีประจัญ ในบทย่าก็น่ารักอย่างนึกไม่ถึง  อย่างที่ว่าเล่นกันดีๆทั้งนั้น  เกลี่ยน้ำหนักกันพอดี  ใครเดินเรื่อง  ใครแค่ไหน  ไม่กระโดด

พล็อตเรื่องก็ดีนะ ไม่หวือหวา เขียนบทเข้าท่าเลยทีเดียว  เนียนๆครับ  มันเหมือนแม่น้ำหลายๆสายไหลไปจบลงที่เดียวกันอย่างที่เราไม่รู้ตัว  ดีนะดีๆ   ความรู้สึกหลายๆอย่างบริสุทธิ์ดี  อย่างที่หลายๆคนลืมมันไปแล้ว  อย่างที่ไม่เชื่อว่ามันยังมีอยู่  ความรู้สึกที่ทำให้โลกเรา และชีวิตเราน่าอยู่ขึ้น

หนังครอบครัวครับผม  อุ่นๆ อารมณ์ดีมีสาระ  มีความสุข  ไม่ฟูมฟาย

เป็นอีกเรื่องที่ไม่มีตัวโกง คนเลวอยู่ในเรื่องเลยแม้แต่คนเดียว  ตามสไตล์จีทีเอชครับ ฟิลกู๊ด ดีครับดี…

Read Full Post »

Confucius – (คันฟิว’เชิส) n. ขงจื้อ (5-6ศตวรรษก่อนคริสต์ศักราช) -Confucian n.,adj. – Hope

ตอนที่ดูจบไม่ถึงกับอิ่มเอิบเหมือนครั้ง Hero แต่ก็พึงพอใจในระดับสูงทีเดียว  งาน Fx(เอฟเฟ็กค์) เนียนแค่ประมาณนึง ก็ดีที่ไม่เน้นมันมากนัก

บทพูดนี่สิ  เด็ดขาดนัก  เด็ดขาดขนาดที่อยากรู้เลยทีเดียวว่าถ้าเป็นภาษาของเขาจะลึกซึ้งขนาดไหน   บทโต้ตอบนี่กลับมาคิดตีความเอาเรื่องทีเดียว

สะท้อนสังคมการเมืองดีอยู่  อดนึกถึง โยน ออฟ อาร์ค หรือ เบลฟ ฮาร์ท ไม่ได้  แม้จะไม่ได้หดหู่เท่า  แต่เหมือนจะทำให้พึงรับรู้บางอย่าง

ค่อนข้างมั่นใจว่าจะถูกจริตกับเพื่อนๆที่ซึมซาบปรัชญา  มันเยอะพอที่ผมจะดูได้อีกรอบ  แต่ถ้าเอาแอ๊กชั่น ก็ต้องว่าจืดไปหน่อย

ก่อนหน้าหนึ่งวัน  เพิ่งดู 2012 ในรถตู้  โอย…หากไม่นับโปรดักชั่นอลังการด้วยเงินทุนมหาศาลแล้ว  ใกล้เคียงคำว่ากระจอกทีเดียว  ถ้าไม่มีฉากพวกนั้นให้เราดู  หนังก็ไม่เหลืออะไรแล้ว  กลวงสิ้นดี  วางหมากไว้หน่อยว่า ให้คนแก้ปัญหาเป็นคนดำ  อุตส่าห์ตั้งชื่อลูกพระเอกที่ไปช่วยไขปมสุดท้ายว่า “โนอาร์”  มุกอย่างนี้ส่วนตัวเบื่อหน่าย  และออกจะเพ้อเจ้อเสียแล้ว

ชื่นชมอยู่ในประเด็นที่ว่า  จะจำกัดคนที่อยู่รอด  หรือเปิดให้เสรี  เป็นปมที่เอาไปคิดต่อได้  แต่ก็คงไม่น่าจะมีคำตอบ  ทางใครก็ของใคร

กลับมาที่ตัวหนัง  ตัดเร็วไปอยู่บ้างด้วยตัวละครที่หลากหลาย  เอา…ขอสักนิด  แนะนำตัวละครนี่  ไม่ต้องเป็นเสียงพูดน่าจะดีกว่า  ขึ้นเป็นอักษรก็น่าจะเพียงพอต่อการจดจำ  ดีไม่ดีจะง่ายกว่าด้วยซ้ำ  นี่เอาเสียงแนะนำตัวละครซ้อนกัยเสียงบทพูดมันก็มึนนะสิ  อันนี้ไม่ดีๆ  ปรับแก้เถิด

ยอมรับว่าหนังตัดเร็วไวในบางช่วงจนมึนงงกับชื่อตัวละคร  เอ…หรือว่าผมอาจจะแก่ไปแล้วก็ได้นะ  ดูจบนี่จำชื่อตัวละครได้น้อยมากๆ  สับสนกันการเล่าเรื่องอยู่บ้างเหมือนกัน

พยายามสรุปนะ….ผมบอกคุณแฟนว่า  อยากให้คนไทยดูหนังเรื่องนี้กันเยอะๆ  แง่บวกมันเด่นมากๆ  เรื่องคุณธรรมเขาก็นำเสนอได้ไม่ไกลจากความเป็นจริงจนเกินไป  มีทั้งตัวละครที่ตั้งใจบอกว่าเลว  ตั้งใจบอกว่าดี  ที่เจ๋งก็คือมีตัวละครที่วางไว้ตำแหน่งกึ่งกลาง  ตำแหน่งที่เรา(ผม) ไม่กล้าตัดสินใจ  ไม่กล้าตีความ  แล้วมีมากกว่าหนึ่งตัวเสียด้วยสิ  อันนี้ส่วนตัวว่าเจ๋งว่ะ

วันนี้ได้พูดคุยกับพรรคพวกอื่นๆ  ก็มีคนว่า เฮ้ย…พี่โจว  แม่งไม่ใช่ว่ะ  คนจะเป็นขงจื๊อต้อง…..  แต่แกยังไม่ได้ดูนะ

อือ….ผมขอว่าตามความคิด  เราโตมากับพี่โจวเป็นมาเฟีย  เป็นเจ้าพ่อ  ฯลฯ แต่ก็ประมาณนี้แหละ  จริงๆแล้ว  แกเล่นเป็นมาสเตอร์มากว่าสิบปีแล้วนะ เราควรละทิ้งบางอย่างไปบ้างหรือเปล่า

พึ่งรู้สึกว่าพี่แกเป็นหนึ่งในคนที่นึกออกว่าทำท่าคำนับแบบจีนโบราณได้สวยงามที่สุดที่เคยเห็น

พึ่งรู้สึกว่าพี่แกเป็นหนึ่งในคนที่มีสายตาที่มุ่งมั่นอย่างยิ่ง  ที่สำคัญ  มันอยู่บนรอยยิ้ม  รอยหัวเราะที่อบอุ่นว่ะ

เมื่อก่อนจากหนังหลายๆเรื่องดูก็โอเค  ไม่ได้คิดอะไรมากมาย  เข้าใจว่าเป็นเพราะวัยเพราะมาร์เก็ตติ๊ง  เออ…มันมีอะไรเหมือนกันเนาะ  อันนี้ถ้ากรูคิดไม่ผิด

หนังไม่สุด  ไม่ยิ่งใหญ่  อย่างที่คิด  แต่สุดอยู่ในอารมณ์ที่น่าจะเฉพาะกลุ่ม  ถ้าเทียบกับสามก๊ก Red Cliff ก็ต้องถือว่า  เรื่องนี้มีด้านกว้างน้อยกว่า  มีไคลแม็กซ์ ตรงไหนว่ะ แต่มีด้านลึกที่ตีความได้ไม่รู้จบ หรืออาจจะแปลว่าตีความไม่ได้ก็ได้  และไคลแม็กซ์อยู่ที่ประสบการณ์ส่วนตัวแล้วหละ

ส่วนผม  ประโยคที่จำได้สุดๆ  ไม่เล่าสถานการณ์นะ

“ข้าฯ ยังไม่เคยเจอใครที่คิดถึงเรื่องจริยฯ ก่อนเรื่องตัณหาเลย”

ออกตัวโคตรๆ  ว่าอคติ มีใจให้หนังตะวันออกที่ทำได้โอเคอยู่เยอะนะ  ก็เป็นปรัชญาที่เราเก็ทนี่หน่า  ไม่ว่ากันเนาะ (อคติไม่ได้แปลว่าบวกหรือลบนะ  มันหมายถึงเอนเอียง)

สรุปอีกครั้ง  ชักชวนให้ดูครับผม  เพื่อนๆ  รับรองถกกันได้อีกพักใหญ่ๆ  สนุกๆ

(อคติในธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าได้วางไว้ ที่ทำให้จิตเกิดมีความลำเอียงนั้น มีอยู่ 4 ข้อด้วยกัน คือ ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะรัก โทสาคติ ลำเอียงเพราะโกรธ โมหาคติ ลำเอียงเพราะหลง ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/005427.htm )


Read Full Post »

คำที่พูดเล่นๆ กันในวงเหล้าว่า คนเราจะสุขภาพแข็งแรงได้จนถึงวันที่รู้ผลตรวจสุขภาพนั่น มาวันนี้สำหรับผมเริ่มจะฮาไม่ออก เรื่องเกิดเมื่อมหาวิทยาลัยที่ผมกำลังจะไปเป็นลูกจ้างบังคับให้ไปตรวจสุขภาพ คราวนี้ความจริงก็เลยปรากฏผลออกมาว่าคลอเรสเตอรอลสูงกว่า 220 แถมด้วยความดันที่ค่อนข้างสูง แต่สองอย่างนี้ยังเป็นปัญหาพื้นๆ เมื่อเจอสิ่งผิดปกติอีกอย่างนึงเข้าไป

หัวใจของผมเต้นช้า “ผิดปกติ”

กราฟ EKG บอกอัตราการเต้นที่ 49 ครั้งต่อนาที ที่หมอบอกว่ามันไม่ใช่การเต้นของหัวใจที่ “แข็งแรง” แต่น่าจะเป็นความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าบางอย่างที่กระตุ้นการทำงานของหัวใจ มันก็เลยออกอาการขี้เกียจกว่าหัวใจคนอื่นๆ อยู่บ้าง อวัยวะแปลกหน้าที่ไม่เคยเจอกัน อวัยวะที่ตลอดมาผมไม่ค่อยรู้สึกว่ามันทำงานอยู่ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกถึงมันเต้นตุ้บ… ตุ้บ…ตุ้บได้อยู่ตลอดเวลา ก็เหมือนอีกหลายๆ อย่างในชีวิตนั่นแหละ เพิ่งมาเห็นค่าเอาตอนที่เขางอแง พี่เบิร์ดก็ออกมาเตือนตั้งหลายปีแล้วว่าให้หมั่นคอยดูแล ดันไม่ฟัง

หลังจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับที่ถนนพระรามสามเมื่อห้าหกปีก่อนผมตั้งใจว่าจะดูแลชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น วันนั้นถ้าอะไรๆ มันผิดมุมผิดองศาไปสักหน่อยผมอาจจะไม่ได้มานั่งพิมพ์ข้อความทั้งหลายอยู่ตรงนี้ ทุกคาบยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ผ่านไปด้วยอาการครบสามสิบสองผมถือว่าเป็นกำไรชีวิต โชคดีไปกว่านั้นที่ชีวิตราบรื่น เจอแต่สิ่งดีๆ มาตลอดเวลาหลายๆ ปีหลังจากนั้น จนบางครั้งก็หลงลืมไม่ระวังปล่อยปละละเลย หลายครั้งก็กลับไปใช้ชีวิตด้วยความประมาทอย่างเต็มที่

ผมดูหนังเรื่อง The Bucket List ตอนที่นั่งเครื่องบินไปไหนซักแห่ง ด้วยความที่หนังฟอร์มไม่ใหญ่ นางเอกไม่สวย ผมก็เลยเริ่มจากการดูบ้างไม่ดูบ้างด้วยความไม่ตั้งใจ แต่สุดท้ายกลายเป็นนั่งอิน น้ำตาซึมไปกับมัน หนังเรื่องนี้พูดถึงหนึ่งเศรษฐีกับหนึ่งช่างเครื่องที่ป่วยหนักใกล้ตายที่มานอนอยู่ในโรงพยาบาลในห้องแฝดเดียวกัน ก็เลยกลายมาเป็นเพื่อนกัน ทั้งสองเริ่มรวบรวมรายการสิ่งที่ตัวเองอยากทำที่เรียกว่า Bucket List (เพราะมักจะเป็นความฝันที่คิดขึ้นมาเล่นๆ แล้วก็ทิ้งลงตะกร้า) แต่ครั้งนี้พอทำรายการออกมาเสร็จ เศรษฐีก็ชวนช่างเครื่องหนีออกจากโรงพยาบาลไปทำเรื่องต่างๆ ที่คิดมาจริงๆ เช่น เที่ยวรอบโลก ขับรถแข่ง ดิ่งพสุธา ฯลฯ ตอนจบของเรื่องนี้ทำได้สวยด้วยการเช็ครายการสุดท้ายของคนทั้งคู่ออกในวิธีที่คาดไม่ถึง

วันก่อนเห็นทรูวิชั่นส์เอาหนังเรื่องนี้มารีรันให้ดูอีกที เลยนั่งดูไปกว่าครึ่งเรื่องแล้วก็ฟุ้งซ่านจิตหลอนไปเรื่อยเปื่อยว่า ถ้าผมจะตายในสามวันเจ็ดวัน จะทำ Bucket List อะไรได้บ้าง หนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นการวิ่งมินิมาราธอนที่เพิ่งสำเร็จไปหนึ่งรายการ การได้ไปสอนหนังสืออาจจะเป็นหนึ่งรายการที่ดูไม่น่าตื่นเต้นมากนัก แต่ก็กำลังจะสำเร็จอีกหนึ่ง การหัดขี่มอเตอร์ไซค์ ที่ใครๆ บอกว่าโคตรง่าย นั่นก็เป็นความท้าทายอีกอย่างนึงที่น่าจะมีโอกาสได้ลอง หรือต้องลองในระยะเวลาอันใกล้

นึกถึงเพื่อนบางคนที่ล้มหายตายจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน บางที Bucket List ที่น่าทำที่สุดคงไม่ใช่เรื่องที่สนองความต้องการของตัวเอง แต่เป็นการเตรียมพร้อมให้คนข้างหลังให้ดีที่สุด เอาง่ายๆ ว่าผมยังไม่ได้แจกแจงพอร์ตหุ้นพอร์ตกองทุน ประกันชีวิต และเงินฝากเงินเม้มให้คนใกล้ตัวได้รับทราบทั้งหมดเลย ถ้าอยู่ๆ วันดีคืนดีมีอันต้องถูกอีกโลกนึงเรียกตัวไป ครั้นจะขอเวลาห้านาทีกลับมาบอกคนที่บ้านว่าอะไรอยู่ตรงไหนก็เกรงว่าเขาคงจะไม่อนุญาต เห็นทีจะต้องทำเรื่องแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ให้ละเอียดซะแต่ตอนนี้

นั่งรู้สึก (ไปเอง?) ว่าหัวใจเต้นแปลก หายใจขัดๆ เหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย ฯลฯ สารพัดวิตกจริตอยู่อาทิตย์นึง กลับไปหาหมอซ้ำอีกทีที่โรงพยาบาลพญาไท หมอตรวจดูกราฟแล้วโบกไม้โบกมือบอกว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก ให้ไปปรับนิสัยการบริโภคบางอย่างดูก่อน แล้วค่อยมาสแกนหัวใจอีกหนึ่งเดือน แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมกลับมาเอาจริงเอาจังกับอาหารมากขึ้น กลายเป็นคนช่างเลือกได้อย่างน่ารำคาญเป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยหวังจะให้หัวใจไม่ขี้เกียจเต้นมากไปกว่านี้

ไม่น่าเชื่อ วันนี้ ลีโอกระป๋องนึงนอนแช่ในตู้เย็นก็ยังไม่กล้าหยิบมาเปิด กลัวถูกเสือกัด หรือเดือนหน้าจะต้องไปพบจิตแพทย์เพิ่มด้วยนะ

ผ่านชีวิตกันมาคนละหลายฤดูฝนแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรกันบ้าง อยากเห็น Bucket List ของพวกเราบ้างว่ะ เผื่อไอเดียดีๆ จะขอลอกหน่อย

Read Full Post »

พอดีที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความรู้สึกสอดคล้องไปกับ “The Innocent  และ ความทรงจำ” และด้วยความบังเอิญให้ได้อ่านทั้งบทความและชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวลาไล่ๆกัน

ว่าด้วยคุณค่าของบุคคล  คุณค่าของเวลา  คุณค่าของความสัมพันธ์ที่บ่อยครั้งจะถูกละเลย  ภาพยนตร์แสดงการเลื่อนไหลของเวลา  ให้ได้เห็นว่ามนุษย์ถูกจองจำในโซ่ตรวนแห่งกาลเวลาอย่างไรบ้าง  และยากยิ่งที่เราจะหนีหลุดพ้นจากความทรงจำ  ไม่ว่าจะดีหรือเลวร้าย  ผิดหรือถูก  แม้แต่ความทรงจำที่ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร  บางครั้งมันก็ยังค้างคาอยู่

336148the_curious_case_of_benjamin_buttonbenjamin-button

เบนจามิน บัทท่อน  ถูกทอดทิ้งตั้งแต่ไม่รู้ความ  เติบใหญ่จากสังขารที่ร่วงโรยย้อนกลับสู่วัยเด็ก  เขาไม่เคยกังวลเรื่อง แก่ เจ็บ ตาย เพราะเขาโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ในบ้านพักผู้สูงอายุ  มีผู้สูงอายุเป็นเพื่อน   ได้เห็นได้สัมผัสเพื่อนจากลาลับไปทีละคน  ได้เห็นได้รู้ว่าไม่ว่าใครจะมีประวัติยิ่งใหญ่มาเท่าไหร่ ธรรมดาสักแค่ไหน  สุดท้ายต่างมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์  ถักนัตติ้ง  ฯลฯ  เพื่อรอเวลาของตัวเองอย่างสงบ  พอกันทีการเรียกร้อง  พอเสียทีความอยากนู้นอยากนี่  มีทุกวันที่ดำเนินไปโดยไร้ปัญหาก็สงบยิ่งแล้ว

เบนจามิน จึงดูเป็นบุคคลที่ปล่อยวางเอามากๆ  ไม่ยึดติด  ไม่มีความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ  มีเพียงความรู้สึกวูบไหวอยู่บ้างตามวัย  จริงแล้วสิ่งที่แสดงออกเช่นนั้นกลับทำให้แลดูเหงาลึกลงไปอีก

บางทีการได้เข้าใจเรื่องพวกนี้แต่ยังเล็ก  มันก็คงเปลี่ยนวิถีคิดของเราๆไปได้เหมือนกัน  สิ่งที่ เบนจามิน เรียนรู้จากสังคมวัยเด็กและพยายามส่งสารถึงเรานั่นคงจะหมายถึง…

“You can be mad as a mad dog at the way things went…

You can swear and curse the Fates….

….but when it comes to the end…..you have to let go.”

Read Full Post »

แตกต่างไปพอสมควรจาก Paris Je Taime ที่คราวนั้นทั้ง ๑๘ เรื่อง จัดสรรเป็นตอนๆอย่างชัดเจน  คราวนี้ เป็น ๑๑ เรื่อง  ซึ่งจริงๆก็แบ่งเนื้อหาชัดเจน  แต่ทำให้มีการร้อยกันบ้างเกี่ยวกันบ้างไปๆมาๆอยู่  อาจจะดูเหมือนซับซ้อนนิดนึง

New York I Love You movie poster 1255159105

บรรยากาศเรื่องเองก็ต่างไป  คราวนี้ก็ดูเป็นอเมริกันขึ้นจริงๆแต่ก็ไม่มากมายนัก  เพลงประกอบบางเพลงยังฟังดูเป็นฝรั่งเศสอยู่เลย  หลายๆตอนสนุกดี  โดย เฉพาะตอนที่เป็นคู่คุณตาคุณยาย  เรียกอย่างนี้แล้วกัน (รู้สึกว่าผู้กำกับ จะ โจชัว… อะไรซักอย่าง) ดูแล้วมีตวามสุข  กัดๆหยอกๆน่ารักดี  คิดว่าผู้ชมอื่นๆก็น่าจะชอบตอนนี้ได้ไม่ยาก

ตอนที่ นาตาลี พอร์ตแมน กำกับนั้นก็น่ารัก หักมุมเล็กๆ เด็กหญิงที่เล่นนั้นเยี่ยมเลย

อีกตอนที่ นาตาลี เป็นผู้แสดงนั้น  ต้องยอมรับว่างงๆ  ตั้งตัวไม่ทัน  ไม่ค่อยเข้าใจ

อีกตอนที่มึนๆ จนพาลวูบไปแว่บนึง เรื่องของนักร้องรุ่นใหญ่สูงวัย  มาพำนักในโรงแรมที่เคยมา  งงๆ

ตอนที่ ซู ฉี เล่นนั้น ก็เข้าท่า  เพียงมีบางฉากข้องใจอยู่นิดนึง  แต่ข้ามไปได้ไม่ก่อกวน

เยอะครับ  มีตอนสนุกๆอย่าง ตอนที่ อีธาน ฮอล์ก (ไม่เห็นหน้านานเชียว) เจอะกับ แม็กกี้ คิว

นี่ๆ  ได้เห็น โรบิน ไรต์ เพ็นน์ คนโปรดอีกที  สวยจัง  เท่เก๋ซะ  คุ้มแล้วได้เห็นหน้าเธอ

เรื่องสาวคนพิการออกเดทก็เด็ดดี

เรื่องนักแต่งเพลงที่  ออร์ลันโด บลูม เล่นกับ คริสติน่า ริชชี่ ก็ดีนะ อันนี้ก็น่ารักดี

อันเนี้ยกรูมึน

อันเนี้ยกรูมึน

อันนี้เด็ด อมยิ้ม

อันนี้เด็ด อมยิ้ม

รวมๆสนุกดี  มีที่งงๆอยู่นิดหน่อย  จำนวนเรื่องประมาณนี้ก็ดูกระชับดีนะ  อย่าง Paris นั้นพาลจะตกหล่นหายเอาง่ายๆ  แล้วอย่างที่ว่าบรรยากาศหนังโทนหนังเปลี่ยนไปพอสมควร  ก็เลยเกิดมีคำถามขึ้นมาว่า

ใน Paris นั้นการดำเนินเรื่องค่อนข้างจะเรียบง่าย  และชัดเจน (อือ…ไม่มีเรื่องเซ็กส์ด้วยนะ)

ใน New York นั้น ความสัมพันธ์ของผู้คนดูซับซ้อนกว่า  (และแน่นอนมีเรื่องเซ็กส์ด้วย)  มีบทสรุปในความสัมพันธ์ยากกว่า (และมีอะไรที่ดูเพี้ยนๆมากกว่าด้วย)

ใครที่เคยไปทั้งสองเมือง และได้ดูหนังทั้งสองเรื่อง  ขยายความให้เป็นความรู้หน่อย  ขอบคุณคร้าบบ…

NY_04

happy สบายๆ

nyi_1375

เรียกรอยยิ้มได้ดีเชียว

2009_new_york_I_love_you_008

โรบิน ไรต์ เพ็นน์ หาภาพด้านหน้าไม่ได้เลย

Read Full Post »

จากที่ได้เคยอ่านแมกกาซีน  แล้วเจอสัมภาษณ์  เจสสิกา อัลบ้า  ว่าเธอหลงใหลการเต้นขนาดไหน  ก็ได้มีประเด็นไปถามไถ่ครูสอนเต้นถึงหนังเรื่องนี้  ก็ได้ความว่าในมุมมองของคนเต้นนั้นชื่นชมอยู่  จับพลัดจับผลูไปเจอดีวีดีราคาราวแปดสิบบาท  ก็เลยได้มีโอกาสลอง  ก็ดีเหมือนกันหลังๆได้อยู่ใกล้คนเต้นมากขึ้นพาลให้พอเก็ทพอเข้าใจและสัมผัสได้ในสิ่งที่เขาเป็นอยู่เหมือนกัน  ได้เปิดโลกอีกใบ  เปิดประตูอีกบาน

Honey แม้จะเข้าสูตรฮอลลีวู้ดตามที  แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเลี่ยนเกินอย่างไร  ดูได้เพลินๆ  ถือว่ามีสามีระอยู่เหมือนกัน  เรื่องของครูสอนเต้นที่ได้มีโอกาสเข้าไปเป็นคนออกแบบท่าเต้นของศิลปินใหญ่ๆ  แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้นก็ผ่านอะไรอยู่  และต้องหลุดจากพื้นที่ตรงนั้นด้วยเงื่อนไขบางอย่าง  ขอบอก  เธอเต้นได้มีเสน่ห์สวยงาม  แข็งแรงจริงๆอย่างเขาว่า  ไม่ได้พูดจาเอากระแสอย่างไร

แนะนำในเชิงคนชอบหนังสบายๆ  เพลินๆ  ได้ดูคนสวยๆงามๆทั้งเรื่อง  ก็ต้องยอมรับว่าเธองามจริง  เก็บภาพเท่าที่หาได้มาให้ชมกัน

อันนี้สั้นแต่เแข็งแรงกว่า จะดูทันไหมเนี่ย

Read Full Post »

หนังจากปี ๒๐๐๗  ฝีมือผู้กำกับคนเก่ง หว่อง กาไว  ซื้อดีวีดีมาพักใหญ่  พึ่งได้จังหวะ

หนังลื่นไหลมาก  ว่าด้วยความสัมพันธ์ของผู้คนในหลายรูปแบบ  เริ่มจากคนที่ผิดหวังสองคนได้มีโอกาสมาพูดมาจากัน

หนึ่งหลงทางแล้วอยู่กับที่เพื่อรอเวลาให้คนมาค้นพบ

หนึ่งหลงทางแล้วออกเดินทางใช้เวลาเพื่อค้นหาตัวเอง

my_blueberry_night

my_blueberry_night

ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลสะท้อนให้เรารู้จักตัวเองได้มากขึ้น  ละเมียดละไมยิ่ง

ความเจ็บปวดผิดหวังนั่นคือจุดก่อการเริ่มต้นใหม่  แล้วอะไรเล่าจะเป็นสิ่งเลวร้าย

“ทุกคืน  ขนม…….จะหมดไป  จะเหลือก็แต่ พายบลูเบอร์รี่”

“นั่นไม่ใช่ความผิดของ พายบลูเบอร์รี่  นั่นเป็นเพราะคนไม่เลือกมันก็เท่านั้นเอง”

5

เข้าใจได้เลยว่าทำไมเลือก นอร่าห์ โจนส์  กับบทนี้  มันไม่ต่างจากบทเพลงของเธอเลย  มันลงตัวและทำให้เชื่อได้ง่ายดาย  ยิ่งมีเสียงสวยๆของเธอเล่าเรื่อง

ยิ่งพอได้ลงฉากกับ นาตาลี พอร์ตแมน ยิ่งขับให้เห็นความแตกต่างได้ชัดเจน  สวยงาม

ฉากที่เธอสองคนแยกกันไป  โบกมืออำลา  ใจมันวูบเหงาตามไปด้วย  คนสองคนอยู่คนละฟากฝั่งปลายแขนที่เอื้อมสัมผัสได้

มีบทพูดเก๋ๆของ นาตาลี  ที่อยากให้ได้ฟังได้ดูเอง  คิดว่าถ้าเล่าจากความทรงจำ  น่าจะไม่ค่อยได้เรื่อง  ไม่กระชับและคมคายเท่า  ที่สำคัญมันต้องสถานการณ์ด้วย

14

หนังมันมีความลึกในอารมณ์ดียิ่ง

มีความเป็นคนดียิ่ง  ปุถุชนทั่วไปต้องสับสน เหตุผลบ้างอารมณ์บ้าง  บางคราวก็แยกชัดระหว่างเหตุผลและอารมณ์ไม่ได้  อารมณ์ก็คือเหตุผล  เหตุผลก็คืออารมณ์

เคยไหม  ที่ความสับสนของหนังทำให้เราสับสนตาม  เรื่องนี้เป็นเรื่องนึงที่รู้สึกได้อย่างนั้น

ใครชอบหนังแนวนี้  ได้เลย  ได้มากๆ  ไม่อาร์ตเกิน  ไม่มีอะไรเข้าใจยากซับซ้อน  แต่ถ้าถี่ถ้วนกับบทพูดได้อีกนิดนึง  ก็จะได้ความงามเพิ่มเติมเป็นโบนัสไปชื่นชม

หรือใครอยากดูในแนวที่แตกต่างๆจากปกติ  ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร  อย่างที่ว่า  ไม่ได้อาร์ตอะไรนักหนา  อุ่นๆ  สวยงามดี  ดูจากภาพสิ  ลองเปิดพื้นที่ให้ตัวเองเพิ่มเติมกันดีไหม….

11

Read Full Post »

หลังจากลังเลว่าจะออกไปดูวันนี้ดีมั้ย  ฉุกคิดถึงกระแสรถไฟฟ้าฯ เลยต้องเข้าไปเช็ครอบ  น้อยรอบน้อยโรง  โรงใกล้สุดวันนี้มีเพียงสองรอบ  สี่โมงเย็นและสามทุ่ม กระแสฯรถไฟฟ้าฯแรงอย่างนี้  ต้องยึดโรงนานเป็นแน่  หนังแบบนี้ต้องถูกเด้งในเร็ววัน

เข็มใกล้เลขแปด  ตัดสินใจออกจากบ้านสู่โรงภาพยนตร์ทันที  อือ…มีคนดูอยู่ ๙ คน

16239_002

หนังฉายไปราวครึ่งชั่วโมง  รู้สึกภูมิใจขึ้นทันที  นี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในโลก  Fame เดิมหนังดังจากปี ๑๙๘๐ ถูกนำกลับมารีเมค ตีความใหม่แตกต่างไปมากมาย  มีอารมณ์มีด้านลึกยอดเยี่ยม  ที่แต่เดิมไม่ได้ให้ความสำคัญนัก  เวอร์ชั่นนี้ลงตัวกว่ามากๆ  หรืออาจจะว่าถูกจริตกว่าก็ได้

โคตรสนุก  ชอบสุดๆ  เข้าเป็นหนังท๊อปไฟว์ในใจได้เลยทีเดียว  ฉากสนุกทำเอาขยับตัวขยับตีนตาม  เรียกว่าแทบจะเต้นอยู่แล้ว  ฉากเอาอารมณ์ก็เอาน้ำตาออกมาได้  โฮ่ย…ชื่นชมไม่รู้จะว่ากล่าวยังไงแล้ว

เรื่องของเหล่านักเรียนในสถาบันสอนศิลปะการแสดง (ละคร เต้น ภาพยนตร์ ดนตรี ) ตัวละครมากมายหลากหลาย  แตกต่างที่มา  แตกต่างจุดหมาย  แตกต่างปัญหา  และปัญหาที่หนังได้เสนอมานั้นมันจริงเอามากๆ

หลายๆฉากมีพลังเอามากเอามายทีเดียว  รู้สึกได้ถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ  ความสุขของเหล่าผู้คน  ความสับสนความเจ็บปวด  ความทุ่มเท  ฯลฯ ว่าไปก็มีแต่จะบอกว่ายอดเยี่ยม  เขาทำหนังกันชาญฉลาดอย่างยิ่ง

“ฉันอาจจะไม่ชนะ  แต่ฉันจะล้มไม่ได้” ประโยคเด็ดหนึ่งในหลายๆประโยคดีๆ  ที่มีอยู่เต็มไปหมด  ไม่ต้องสงสัย  ดีวีดีออกเมื่อไหร่  จะดูซ้ำๆให้หนำใจ

เอาฉากจำฉากเด็ดในครั้งเวอร์ชั่น ๑๙๘๐ ฝากไว้ด้วย  เผื่อใครนึกออก

อีกที  ชอบมากๆๆ  กำลังคิดอยู่ว่าเข้าขั้นหลงใหลรึเปล่า….

หนังแม่ง..โคตรเจ๋งเลยโว้ยยย   โว้ยยย  โว้ยยย

(ขอทักท้วง บทบรรยายภาษาไทย  จะใส่ประโยคอย่าง  ‘แด่น้องผู้หิวโหย’  เข้าไปทำไมเสียเรื่อง เสียอารมณ์  หรืออย่างอาจารย์ขึ้นร้องเพลงเก่า ก็ใส่ชื่อเพลงชื่อนักร้องตามที่เขาว่ามามันจะเป็นไร ไม่เห็นต้อง  ‘เพลงลืม ของ เบิร์ดกับฮาร์ท’  เลย  ขอตำหนิอีกทีว่ามันไม่เข้าท่า จะทำลายสิ่งที่เขาวางมาดีๆไปทำไม)

Read Full Post »

เนื่องด้วยเพื่อนดีมีน้ำใจชวนไปดูในรอบเพรส ในโรงหรูอลังที่พาราก้อน พันบาทถึงพันสองร้อยบาท ก็ขอขอบคุณที่เพื่อนนึกถึงอีกครั้ง

poster01หนังที่กระแสแรงตั้งแต่หนังตัวอย่างออกฉาย  ด้วยนักแสดงนำทั้งคู่  ถือเป็นหนังไทยที่มีเสียงอยากดูมากมายทีเดียว

สำหรับคนที่ชื่นชอบ คริส หอวัง ในบท ลี่ (เหมยลี่) เต็มอิ่มแน่นอน ถือว่าได้พบเจอเธอตลอดเรื่องเลย ไม่อั้น

หนังเรื่องนี้น่าจะแจ้งเกิดให้สาวคริสอย่างเต็มตัว  หลังจากบทที่ไม่ค่อยเด่นนักใน อีติ๋มตายแน่

อือ…น้องแกเล่นได้น่ารักน่าชังดีทีเดียว เยินได้ มีเสน่ห์ได้ ดูเป็นสาวหมวยธรรมดาที่พบเจอได้ทั่วไป  นี่น่าจะเป็นเหตุผลนึงที่เลือกเธอสำหรับบทนี้

ส่วนพี่เคนของอีกหลายๆคน ในบท วิศวกรบีทีเอส (ไม่บอกชื่อดีกว่า) ก็ยังคงเป็นคุณพี่เคนอย่างที่สาวๆคาดหวัง  อันนี้ถามปากคำจากบรรดาสาวๆที่รู้จักและร่วมดูกันในรอบนี้

หนังเพลิดเพลินไปเรื่อยๆ  ยิ้มๆไป  ไม่ไคลแม็กซ์ ดูความเด๋อๆด๋าๆของคนไม่สันทัด  ขาดจริตหว่านเสน่ห์หนุ่ม  จนต้องให้น้องเพลิน (อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา โห…นามสกุล) สอนให้  น้องอังศุมาลินหรือน้องแพทเรื่องนี้สวยใสน่ารักมาก  โดดจากตอนเล่น ปิดเทอมใหญ่ฯไปก่ายกอง  poster02

ถ้าคาดหวังความตลกสไตล์จีทีเอช ก็ถือว่าน้อยกว่าปกติไปหลายช่วง  อาจจะรวมถึงมุกบางมุกที่ดูหวืดๆ  แต่ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าจำนวนคนดูมีส่วนหรือปล่าว  เพราะโรงแบบนี้มีคนดูไม่กี่คน  ความครึกครื้นหรือหลากหลายทางอารมณ์ของผู้ชมเลยน้อย  ก็ตั้งข้อสงสัยไว้อย่างนั้น

หากคาดหวังความซาบซึ้ง  ก็จัดว่าไม่ได้ทำให้ดราม่าอะไรมากมาย  พอให้มีลุ้นเล็กๆอยู่บ้าง

หนังมีลักษณะของความเป็นการ์ตูนญ๊ี่ปุ่นให้รู้สึกอยู่เป็นช่วงๆ

ตกลงก็ว่าหนังเพลินๆดี  คนข้างๆก็เห็นหัวเราะอยู่เรื่อยๆ  ใหญ่บ้างเล็กบ้าง  ออกจากโรงมาได้พูดคุยกัน  ก็มีคนที่ชอบ  ที่ว่าสนุกมากอยู่  คนที่ว่ามาสนุกกลางเรื่องไปก็มี  ไอ้เรื่องนี้คงต้องว่ากันตามรสนิยมกันไป

คิดอยู่ว่ารอบเพรสนี้  ลักษณะคนดูจะเหมือนหรือต่างจากคนดูทั่วไปอย่างไร  ความคาดหวังต่างไปอย่างไร  ก็ไม่มีคำตอบหรอกนะ  โชคดีที่ตัวเองเป็นคนที่หลุดพ้นจากความคาดหวังเหล่านี้  คืออยากดู น่าดู ก็แค่นั้น  ไม่ได้คาดหวังอะไร  อ้อ..อาจจะเรียกว่ามีอยู่หน่อย  คืออย่าห่วยเป็นโอเค  หนังเรื่องนี้น่ากลัวอยู่อย่าง  ก็ดีที่กระแสแรง  แต่กระแสความคาดหวังก็แรงไปด้วย  และถ้าตัวหนังทำไม่ได้ถึวขีดกระแสความคาดหวัง  คำวิพากษ์วิจารณ์คงมากันเละ

ที่คิดไว้ก็น่าจะรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกานะ  และก็รอดูอยู่ว่าหนังจะมาได้อย่างที่ตั้งใจมั้ย

postere04น้องแพท

แนะนำให้ลองดูลองชมนะ มีความสุขดี อย่างไรมันก็เป็นส่วนหนึ่งของความหลากหลายในหนังไทย คิดพล็อตใหม่ๆคิดเรื่องใหม่ๆ วิธีนำเสนอใหม่ๆ

“บางคนอาจมีความรักมาหาตั้งแต่สถานีต้นทาง

แต่บางคนผ่านมาหลายสถานี…ก็ยังไม่เจอใคร

มาช่วยกันภาวนาให้สถานีต่อไป… เราได้เจอใครซักที”

Bangkok Traffic Love Story

posterinter01l

Read Full Post »

audrey-tautou-coco-chanel

โคโค่…  เธอแกร่ง เธองาม  เธอขบถ  ขบถด้วยหัวใจของเธอเอง  สตรีหนึ่งแรกที่ก้าวย่างสู่อาณาจักรของบุรุษ  แม้เป็นความหมายในเชิงแฟชั่น แต่ก็ยิ่งใหญ่ราวการยกทัพเข้าชิงพื้นที่  แล้วเธอก็ได้พื้นที่นั้นมาถึงปัจจุบัน

Gabrielle BonheurCocoChanel คือชื่อของเธอ โคโค่เป็นชื่อเล่นที่ถูกตั้งขึ้นในภายหลัง  ภาพยนตร์กล่าวถึงที่มาที่ไปของชื่ออย่างทีเล่นทีจริง

Avant ไม่ใช่ชื่อกลางของ Chanel แต่มีความหมายว่า Before ดังนั้นชื่อภาพยนตร์จึงหมายถึง Coco ก่อนจะมีห้องเสื้อชื่อ Chanel ภาพยนตร์มีอีกชื่อว่า Coco Before Chanel

ดังนั้นหนังจึงนำเสนอเรื่องราวก่อนหน้านั้นจริงๆ  ไม่ได้นำเสนอเส้นทางที่มาเติบใหญ่ในวงการให้ชมกัน

แต่นั้นก็เพียงพอแล้ว  สำหรับคนที่นิยมขบถด้วยหัวใจ  มิใช่ขบถเพื่อการตลาด

จากนักร้องนักแสดงคาบาเรต์กระจอกๆในบาร์กล่อมความตรึกครื้นให้ทหารขี้เมา

ช่างเย็บผ้าผู้ต่ำต้อย  ผู้ถูกจิกหัวใช้ไปวันๆ

ผู้ปฏิเสธการแต่งงานทั้งสิ้น  แม้แต่ผู้อุปการะที่ร่ำรวย

สาวหัวแข็งที่ขีดเส้นทางชีวิตเธอเอง

ขบถด้วยตัวตน  นี่หล่ะมั้งที่ควรได้ขนานนาม….ศิลปิน

ดูเธอสิ…

1251865493

“หากผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง แล้วผู้คนกล่าวกันว่า   ชุดนั้นสวยจริง ๆ  นั่นหมายความว่าชุดนั้นแย่มาก ๆ แต่ถ้าผู้คนกล่าวกันว่า  ผู้หญิงคนนี้สวยจริง ๆ  มันหมายความว่า ชุดนั้นเยี่ยมจริง ๆ” Coco Chanel

หนังสวยงามตามความรู้สึก  มีภาพติดตาติดใจหลายภาพ  สัมผัสพลังอันพึงเคารพแห่งสตรีเพศ

สะท้อนมุมมองแห่งตะวันตกยุคสมัย  คุณค่าแห่งความรัก  คุณค่าแห่งเพศ

หนังไม่ได้บอกกล่าวที่มาที่ไปแห่งแบรนด์ดัง  แต่บอกเล่าตัวตนแห่งเธอก่อนนั้น

ตัวหนังเสนอพลังเงียบๆทีี่สัมผัสได้  ไม่พลุ่งพล่านชัดเจน

แล้วท่านจะรักผู้หญิงคนนี้  อย่างน้อยก็ต้องชื่นชมแหละน่า

มีโอกาสหากสนใจก็ดูกันเถิดเพื่อน  แต่พึงเข้าใจหนาว่าอยู่ในเงื่อนไขหนังยุโรป

1251865437

ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก  http://www.lamfa.com/eYacht/?p=504

Read Full Post »

คราวนี้เป็นหนัง  ลองดูกันก่อนนะ  ยังไม่อยากบอกข้อมูลอะไร

มีพรรคพวกแนะนำมา  ดูซิคิดเห็นกันอย่างไร

Read Full Post »

หลังจากอาทิตย์ที่แล้วดู ห้าแพร่ง ไป  สนุกสนานอยู่ทีเดียว  บางตอนก็ทำน่าคิดบางตอนก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก  ใครๆก็คงชื่นชอบตอนสุดท้าย “คนกอง” ที่ มาช่า ร่วมเล่นอย่างน่ารัก  เป็นตอนที่อารมณ์ดีที่สุด  เพลิดเพลิน รวมๆแล้วโอเคครับ

อาทิตย์นี้  ถึงคราวดู “ฝันโคตรโคตร” ซัดไปเมื่อบ่าย หนังรักของคุณพี่  พิง  ลำพระเพลิง

poster01แรกๆดูไปซักพักก็เริ่มเบื่อกับความพยายามใส่บทพูดสุดเท่  มีนัยไปนัยมา และปล่อยมาบ่อยเกินจำเป็น แอ๊คติ้งก็ขักตาอยู่บ้าง  แต่พอหนังผ่านไปซักพัก  เอ…ความคิดเปลี่ยนไปเสียแล้ว  กลายเป็นชื่นชมชื่นชอบไปเลยทีเดียว  ความซับซ้อนที่วางไว้เรื่องความฝันกับความจริงนั้นน่าคิดต่อนัก

ความจริงของคนหนึ่งกลายเป็นความฝันของอีกคนหนึ่ง  และนั่นแหละ  ความฝันของอีกคนก็กลายเป็นความจริงของอีกคน

กลายเป็นความไม่พอดีไม่ลงตัวที่เขาทำได้น่ารักดี  ออกแฟนตาซีหน่อยๆ  แม้ประเด็นที่พยายามให้เห็นว่าฝ่ายชายเป็นคนห่วยๆนั้นไม่ค่อยแรงพอที่จะเชื่อ  แต่ก็มีหลายๆอย่างช่วยดึงน้ำหนักทางนี้ให้ไม่รู้สึกชัดนัก

04

หนังให้ความรู้สึกที่พอดีๆอย่างไรบอกไม่ถูก  ไม่ใช่หนังเศร้าเสียอกเสียใจ  แต่น่าจะเป็นหนังที่พอจะซาบซึ้งแง่งามๆของชีวิต  ทำให้คนคิดเป็นอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเก่า

“ความรักเป็นเพียงอัตราแลกเปลี่ยนสกุลนึงเท่านั้น ” ประโยคเด็ดของเขา

“นาฬิกากับเวลาต่างกันที่  นาฬิกาเมื่อให้ใครไปแล้ว ยังเอากลับคืนได้  แต่เวลาเมื่อให้ใครไปแล้ว มันเอากลับคืนไม่ได้” นี่ก็ใช่

และหนังก็เล่นกับเวลาทบไปทบมา  มึนงงไปบ้างแต่ก็ยังรู้เรื่องดีอยู่

อย่างฉากหนึ่งที่ของรักของตัวเอกของเรื่องถูกทำลาย  มีเสียง “เฮ้ย” จากผู้คนข้างหลังผมดังมาพอสมควร(จากหลายคนนะครับ)  นั่นน่าจะหมายความว่า  หนังดึงความรู้สึกผู้ชมได้อยู่หมัด

ยิ่งถ้าใครเคยดูหนังของคุณพิงอย่าง “โคตรรักเอ็งเลย” มาก่อนแล้ว  ก็จะได้เปรียบทางอรรถรสหลายขุมอยู่นะ  ยังมีความเชื่อมโยงนู้นนี่อยู่ตลอดเรื่อง

ก็จะไม่เล่าอะไรมากมายแล้วหล่ะ  เป็นหนังที่ผมชอบเลยทีเดียว ได้ทั้งไอเดียได้ทั้งความรู้สึก  รับรู้ได้เลยถึงความตั้งอกตั้งใจของคนทำหนัง  อยู่ในระดับต้องเสียตังค์ซื้อดีวีดีอีกเรื่อง  ดูแล้วจรรโลงดีมีความสุข   หนังดี  เชียร์ครับ..(นางเอกเล่นได้น่ารักมากๆด้วย  ขอบอก)

0302

Read Full Post »

โฮ่ย….มีความสุขอย่างมากอย่างมาย  หนังดีเหลือหลาย  อบอุ่นในแบบที่ไม่ใช่โอบอุ้มความบกพร่อง  แต่โอบอุ้มความสุขที่พึงจะมี  ความสุขที่ในความเป็นจริงบุคคลสามารถจะได้  แม้จะทางใดก็ตาม

dance_00จดประโยคจดคำพูดเด็ดๆกันเพลิดเพลิน   ซูซานซาเรนดอน งดงามสวยงามจริงๆ  ซึ่งวางไว้ตรงข้ามกับ เจโล  งดงามอย่างหม่นเศร้า  ให้ ริชาร์ด เกียร์  หนุ่มใหญ่ได้เดินเรื่องอย่างน่ารักน่าชังอย่างยิ่ง

dance_04เคยทราบว่ามาจากภาพยนตร์ญี่ปุ่น  รีๆรอๆดูเวอร์ชั่นไหนดี   จนสมองเลิกจดจำ  เวลาบิดเบี้ยวบังเอิญมาพบเจอเรื่องนี้อีกครั้ง  ในวันที่ลังเลว่าจะเช่าหนังสไตล์ไหนดีหนอ  Step Up เทือกๆนั้นก็ดูหมดแล้ว  พอเสียทีการรีรอ…..

พึงใจอย่างที่สุด  มีความสุขอย่างที่ทราบ  แนะนำอย่างยิ่ง  หากเข้าใจพื้นเพกระจุกกระจิกของภาพยนตร์ญี่ปุ่นแล้ว  ก็คงจะเข้าใจตัวละครบางตัวได้อย่างไม่ขัดแย้ง

“To catch a husband is an art. To hold him is a job”

“The rumba is a vertical expression of a horizontal wish. You have to hold her like the skin on her thigh is your reason for living . Let her go like your heart’s being ripped from your chest. Pull her back like you’re gonna have your way with her right here on the dance floor . And then finished…….like she’s ruined you for life.

ประโยคบรรยายความเป็นจังหวะการเต้นรัมบ้าได้ถึงความรู้สึกอย่างยิ่ง

“You are the frame. She is the picture in your frame. Everything that you do is to show her off”

สวยงามไหมเล่า  นั่นเป็นประโยคที่อธิบายการเข้าคู่เต้น ได้ประทับใจจริงๆ

ยิ่งประโยคที่ Mr.Clark พระเอกของเราบอกต่อภรรยา (ซูซาน ซาเรนดอน) ว่าทำไม่ถึงปิดบังเรื่องการเรียนเต้นรำนี้มาตลอด  เป็นความหมายที่ โอ้…เหนือความคาดหมาย  ไม่น่าจะมีใครคาดเดาได้  แล้วมันสุดยอดจริงๆ  ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร  ชมกันเองเนาะ…

ครั้งหนึ่ง  ฮูล่าเกิร์ล  เปลี่ยนกระแสวิธีคิดผมต่อการเต้นรำ  อีกครั้งเมื่อเห็นน้องๆเต้นระบำหน้าท้องที่งานโรงเรียนที่สอนประจำอยู่  และนี่ก็คืออีกครั้ง  ผมเริ่มเข้าใจได้ต่องานศิลปะแขนงนี้แล้ว  แม้จะไม่มากมายอะไร  ก็ดีใจที่มีโลกอีกโลกให้เข้าเยี่ยมชม

หนังเรื่องนี้เพิ่มเติมมุมมองของการเต้นบอลลูมได้ลึกซึ่งพอสมควร  บางมุกเขาก็บอกกันโต้งๆ  หลายมุกก็ต้องใช็ความรู้สึกจับเอาเนาะ  ไม่รู้พรรคพวกบางสายงานจะพอเก็ทกันบ้างหรือเปล่า….  ตัวละครมอบความเข้าอกเข้าใจอันดีให้แก่กัน

โฮ่ย…อีกครั้ง  หนังอบอุ่นอ่อนโยน  ละมุนละไมอย่างยิ่ง….

ฟื้นฟูจิตใจ …..งดงาม..งดงาม……

Read Full Post »

Older Posts »