เนื่องด้วยสามสี่อาทิตย์ที่แล้ว MrKan ถามไถ่ถึงดนตรีแนวนี้ว่าเป็นอย่างไร นึกย้อนไปว่าเพื่อนแดมก็เคยถาม เพื่อนคนจรก็ชื่นชอบ น่าจะเป็นการดีที่จะมาว่ากล่าวถึงเสียหน่อย อีกทั้งความเข้าใจบ้านเราเกี่ยวกับอาการของดนตรีแนวนี้ยังไม่ค่อยจะใช่เท่าไหร่นัก เริ่มเรื่องที่ว่า….
“Joao Gilberto do Prado de Oliveira” ซึ่งรู้จักกันทั่วไปว่า “จาว จิลแบร์โต” เกิด ๑๐ มิถุนายน ค.ศ.๑๙๓๑ ที่เมือง Juazeiro แคว้นบาเฮีย เมื่ออายุ ๑๔ ปี เขาได้กีตาร์เป็นของขวัญ หลังจากนั้นมันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา จากจุดนั้น จาว เริ่มตั้งวงเด็กในละแวก ซ้อมใต้ต้นมะขาม ก่อนออกเล่นตามงานจ้างต่างๆ
จาว โตมากับเพลงที่หลากหลายพอสมควร ทั้งเพลงยอดนิยมจากสหรัฐ เช่น Caravan ของ ดุ๊ก เอลลิงตัน ,Song of India ของ ทอมมี ดอร์ซีย์ รวมทั้ง Me’nilmontant ของนักร้องนักแต่งเพลงชาวฝรั่งเศส ชาร์ลส์ เทรมองต์ ในขณะที่เขาก็หล่อหลอมประสบการณ์จากเพลงยอดนิยมพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็น Bolinha de Pael , Ave Maria no Morro , A Primeira Vez และ O Samba da Minha Terra ซึ่งเป็นรากเหง้าที่มั่นคงภายใต้ร่องรอยของจารีตวัฒนธรรมดั้งเดิมในการสร้างสรรค์รูปแบบดนตรีในเวลาต่อมา
João Gilberto 01
อายุราว ๑๘ ปี จาว ย้ายมายัง Salvador เมืองหลวงของบาเฮีย เพื่อหาช่องทางเป็นนักร้องตามรายการวิทยุ จาว ไม่ประสบความสำเร็จ
ค.ศ. ๑๙๕๐ หนึ่งปีหลังจากที่รอนแรมในเมือง Salvador จาว ได้รับเชิญให้เดินทางไปยังเมืองหลวงของบราซิล เพื่อเป็นนักร้องนำแก่วง Garotos da Luna
จากจุดนั้นไม่ได้ทำให้ชีวิตของ จาว ดีขึ้น สุดท้าย จาว ต้องออกจากวง ชีวิตของเขาตกต่ำลง และเป็นเช่นนั้นตลอดเวลา ๗ ปี ที่เขาห่างหายจากการรับรู้ของผู้คน เสพกัญชา ไว้ผมยาว สวมเสื้อผ้าปอนๆ จนถึงจุที่ต่ำที่สุดคือไม่มีใครจ้าง และแฟนของเขา ซิลเวีย เทลเลส (ซึ่งต่อมาเป็นนักร้องแนวบอสซา โนวา ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง) ก็จากเขาไปในที่สุด
ชีวิตระยะนี้ของเขาแกร่วไปแกร่วมาเพื่อรอคอยเพื่อนๆนักดนตรีตามคลับต่างๆ หลังจากใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยในเมืองริโอหลายปี จนกระทั่ง หลุยส์ เทลเลส ผู้นำวงที่ชื่อ Quitandinha Serenaders ชักชวน จาว มาร่วมงานด้วย
ที่เมือง Porto Alegre เสน่หที่ปรากฎในการแสดงของ จาว เรียกความสนใจจากผู้คนในเมืองนี้ได้มากพอ หลายคนที่เคยเข้านอนหัวค่ำ ก็เปลี่ยนมาใช้ชีวิตยามราตรี ด้วยการฟังดนตรีและหาโอกาสพูดคุยทำความรู้จักกับเขา
จาว พบว่าเขาไม่พึงใจกับกีตาร์สายโลหะอีกต่อไป และเปลี่ยนมาใช้กีตาร์สายไนล่อนในช่วงนี้ จาว ย้ายมาอยู่กับพี่สาวที่ Diamantina เป็นเวลาราว ๘ เดือน ที่นี่เขาไม่ออกไปไหน นอกจากเล่นดนตรีอยู่กับบ้าน ทั้งกลางวันกลางคืน ทดลองค้นหาแนวทางเปลี่ยนคอร์ดในแบบต่างๆ และในที่สุดก็ค้นพบความมหัศจรรย์ว่า สภาพอะคูสติคภายในห้องน้ำ มีความพอเหมาะลงตัวกับเสียงร้องและเสียงกีตาร์ของเขา
จาว พบว่าภายในห้องน้ำ เขาสามารถร้องเร็วขึ้นหรือช้าลงได้อย่างสัมพันธ์กับการเล่นกีตาร์ในแบบของเขา โดยวิธีร้องเบาๆและปราศจากความสั่นกังวานของเสียง เขาเริ่มให้จมูกมีบทบาทในการกำหนดเสียงร้องมากกว่าปาก และทดลองนำอิทธิพลการร้องและเล่นของนักร้องนักดนตรีที่เคยรู้จักมาปรัยให้เหมาะกับตัวเอง
นี่คือความมหัศจรรย์ที่ปูทางไปสู่จังหวะแบบ “บอสซา โนวา” ช่วงระยะนี้เขาได้รับคำเยาะเย้ยว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ใช่ดนตรี หลายคนว่าเสียงเขาไร้พลังหนักแน่นอย่างที่เคยเป็น
จิลแบร์โต เลี่ยงสภาพแปลกแยกนี้ไปฝึกซ้อมดนตรีของเขาอย่างโดดเดี่ยวที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำซาวซานฟรานซิสโก ที่นี่เขาได้สังเกตผู้หญิงแม่บ้านที่มาซักผ้า จัดดุลยภาพของกองผ้าบนศีรษะด้วยการลดจังหวะของการโยกโยนลง ระหว่างการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาแต่งเพลง Bim Bom ซึ่งอาจจะจัดให้เป็นเพลงแรกที่มีจังหวะ “บอสซา โนวา”
VIDEO
รูปแบบดนตรีแบบใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว และได้รับการยกย่องมาตลอด ๔๐ ปีถึงองค์ประกอบของความเป็นศิลปะอันสมบูรณ์
ทว่า ช่วงเวลานั้น คนรอบตัวของเขากลับวิตกว่าเขากำลังมีอาการทางจิต จิล ย้อนเล่าการพูดคุยกับจิตแพทย์ให้ฟังว่า
“มองไปยังสายลมที่ต้นไม้จนเส้นผมร่วงหล่นนั่นสิ” เขาบอกพลางชี้ไปนอกหน้าต่าง
“แต่ต้นไม้ไม่เส้นผมนะ จาว” จิตแพทย์ให้ความเห็นต่อการใช้คำผิดความหมาย
“และนั่นไง ผู้คนที่ไม่มีกวีในหัวใจ” เขาตอบ
จาว กลับมาที่ “ริโอเดอจาเนโร” เร่แนะนำเพลง Bim Bom และ Ho-Ba-La-La ซึ่งเป็นอีกเพลงที่เขาแต่งในช่วงเดียวกัน
และเขาได้พบกับ “อันโตนิโอ คาร์โลส โจบิม” หรือ ทอม โจบิม ซึ่งมีผลงานดนตรีมาอย่างโชกโชน จิลแบร์โต เล่นเพลงทั้งสองเพลงให้ โจบิม ฟัง
Antonio Calos Jobim
แต่ทว่า โจบิม กลับไม่รู้สึกประทับใจทั้งเสียงร้องและการเล่นกีตาร์แต่อย่างใด เขากลับตระหนักถึง ลักษณะธรรมชาติบางอย่างที่ปรากฎในจังหวะดนตรีแบบใหม่ ซึ่งได้ลดทอนความซับซ้อนของ “แซมบา”ลง (แซมบา-จังหวะดนตรีพื้นบ้านของบราซิล) และเปิดให้แนวผสมผสานสมัยใหม่ที่ โจบิม กำลังสร้างสรรค์อยู่แทรกเข้าไปได้อย่างลงตัว
ในที่สุดเขาก็พบเพลง Chega de Saudade ที่เขาแต่งร่วมกับ Vinicius de Moraes เมื่อ ๑ ปีก่อนหน้านั้น
ต่อมาเพลงนี้ได้กลายเป็นเพลงแรกที่เปิดฉากกระแสความเคลื่อนไหวของดนตรี บอสซา โนวา จนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ไม่เพียงเท่านั้น Chega de Saudade ยังเป็นเพลงที่จุดประกายชีวิตนักดนตรีใหเแก่ “Joao Gilberto” ในฐานะ “บิดาแห่งดนตรี บอสซา โนวา” อีกด้วย
VIDEO
เอลิซาเบ็ธ คาร์โดโซ นักร้องสาวที่ร้องเพลงนี้คนแรกได้ปฏิเสธคำแนะนำการร้องในแบบของ เขา เพลงนี้ในเวอร์ชั่นแรกจึงมีเพียงเสียงกีตาร์ของเขาเท่านั้นที่เป็นสัญญาณบอกถึงความแปลกใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
๑๙๕๘ ในที่สุดจากการหนุนอย่างสุดตัวของ โจบิม งานของ จาว ก็ ได้เกิดขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งทางความคิดเห็นมากมาย
ความสำเร็จของ จาว ไม่ได้มาจากการสนับสนุนของพนักงานสังกัดโอเดียนที่เมืองริโอแต่อย่างใด หากมาจากการร่วมแรงร่วมใจของพนักงานสังกัดโอเดียนเมืองเปาโล ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จอันร้อนแรงทั่วทั้งประเทศในเวลาต่อมา
เรื่องมีอยู่ว่าพวกเขาทดลองเปิดเพลง Chega de Saudade ให้ลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งเมื่อได้ฟังถึงขนาดตะคอกว่า
“ทำไมพวกนั้นถึงส่งผลงานของนักร้องที่ไร้ชีวิตชีวามาให้?”
ก่อนเพลงจบลง ลูกค้าเดือดดาลถึงขนาดหักแผ่นเสียงทิ้ง แล้วประกาศว่า
“นี่คือขยะที่เขาส่งมาให้เราจากเมืองริโอ?”
ทีมงานโอเดียนต่างพากันอธิบาย นี่คือดนตรีที่มีบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม ล้ำสมัย เปี่ยมด้วยความกล้าหาญ ซึ่งคนหนุ่มสาวจะพากันซื้อแผ่นเสียงพวกนี้แน่นอน
ดาวดวงใหม่เกิดขึ้นแล้ว
ระหว่างปี ค.ศ. ๑๙๖๑ สหรัฐส่งทีมดนตรีแจ๊สออกทัวร์เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในแภบละตินอเมริกา หนึ่งในนั้นคือ “ชาร์ลี เบิร์ด Chalie Byrd” ซึ่งประทับใจในเสียงดนตรีของ จาว และ โจบิม อย่างลึกซึ้ง เมื่อกลับถึงสหรัฐก็นำแผ่นเสียงงานของ จาว ให้ “แสตน เก็ทซ์” นักแซ็กโซโฟนแจ๊สฟัง
Charlie_Byrd
เก็ทซ์เคยให้ความเห็นหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น “ผมตกหลุมรักมันทันที… ชาร์ลี เบิร์ด ได้พยายามช่วยขายแผ่นเสียงชุดนั้น ไม่มีใครสนใจจะซื้อมันเลย”
Stan_Getz
อิทธิพลของดนตรี บอสซา โนวา ที่ เก็ทซ์ และ เบิร์ด หลงใหลเป็นอย่างมากนั้น ได้เป็นที่มาของอัลบั้ม Jazz Samba (๑๙๖๒) ที่ทั้งสองทำงานร่วมกันโดยอาศัยวัตถุดิบบางส่วนจากอัลบั้มของ จิลแบร์โต ผลปรากฎว่าอัลบั้มได้รับความนิยมในสหรัฐถึงอันดับ ๑ และเคลื่อนไหวในชาร์ทเพลงป๊อป ๗๐ สัปดาห์ ส่งให้ เก็ทซ์ กลายเป็นนักแซ็กโซโฟนยอดนิยมในเวลานั้นโดยปริยาย
หลังจากนั้น เก็ทซ์ ยังมีอัลบั้ม บอสซา โนวา ออกมาอีก ๔ ชุด โดยชุด Getz/Gilberto (๑๙๖๔) เขาเชิญ จาว จิลแบร์โต , แอสตรึด จิลแบร์โต และ ทอม โจบิม บินจาริโอมาร่วมงานในนิวยอร์ก ได้รับความนิยมมากที่สุดอีกชุดหนึ่ง โดยอัลบั้มนี้ ได้บรรจุเพลง “The Girl From Ipanema” ให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวโลก
VIDEO
มาถึงตอนนี้โลกทั้งโลกรู้ตัวแล้วว่าเราได้เกิดดนตรีแขนงใหม่แนวทางใหม่ขึ้นแล้ว
ทั้งหมดนี้เล่าถึงเรื่องราวการเดินทางของแนวดนตรีแนวนี้จากไร้ตัวตนสู่วันที่เข้าสู่หูคนแทบจะทั่วโลกครับผม
ข้อมูลและสำนวนภาษา คัดลอก ตัดทอน ดัดแปลง จาก หนังสือ ” Jazz อิสรภาพทางดนตรีของมนุษยชาติ” โดย อนันต์ ลือประดิษฐ์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
จะสังเกตได้ว่า บอสซา โนวา เนี่ย มันอยู่ในอาการแบบ ชิล ชิล คือ สบายๆ ทอดน่อง ดนตรีไม่มีการเน้นจังหวะไหนเด่นกว่าจังหวะไหน เท่าๆกันไป บ้านเราหลายคนบางทีมักจะเล่นกันจน บอสซา กับ สามช่า อยู่ห่างเพียงแค่คืบ
VIDEO
Read Full Post »